รวบโจ๋อำมหิต ฆ่าเสี่ยเต็นท์รถรายใหญ่ในนครปฐม หลังพบเป็นศพริมถนนเมืองสมุทรสงคราม
ไม่ใช่ใครที่ไหนเป็นลูกชายลูกน้องเก่าของเหยื่อ อ้างหึงหวงที่ผู้ตายมาหาเมียที่บ้านเลยยิง แถมกระสุนยังพลาดไปโดนเพื่อนตัวเองเจ็บด้วย จากนั้นช่วยกันหามศพ ใส่ท้ายรถเบนซ์เหยื่อ ก่อนนำไปทิ้งอำพรางคดี ส่วนเพื่อนอีกคนยังหลบหนีอยู่ ขณะที่เมียเสี่ยไม่เชื่อ มั่นใจเป็นการฆ่าชิงทรัพย์ เพราะเงินสด 6 หมื่น นาฬิกาโรเล็กซ์ แหวนเพชร สร้อยทองพร้อมพระรวมมูลค่าเกือบล้านหายไปด้วย
เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 25 ก.ค. พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.ภ.7 พล.ต.ต. ประจิม ลิ่มสุวรรณ และ พล.ต.ต.โสภณ พิสุทธิ วงษ์ รอง ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม ผบก.ภ.จว.นครปฐม และ พ.ต.อ.อนุรักษ์ นาคพนม ผกก.สภ.นครชัยศรี จ.นครปฐม
ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมนายศรัณย์ หรือแบงก์ อ่อนพันธ์ อายุ 23 ปี และนายสิทธิพงษ์ หรือกานต์ ลออเอี่ยม อายุ 28 ปี หลังร่วมกับพวกที่ยังหลบหนี คือนายกิตติพงษ์ หรืออ๊อด หนองผือ ร่วมกันฆ่านายสมโภชน์ หรือเสี่ยปุย สมบูรณ์พร อายุ 48 ปี เจ้าของบริษัททีอาเอส มอเตอร์ จำกัด เปิดเป็นเต็นท์รถรายใหญ่ในนครปฐม
ทั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 23 ก.ค.ที่ผ่านมา ตำรวจพบศพนายสมโภชน์ ในป่าหญ้าริมถนนหมู่ 10 ต.ลาดใหญ่ อ.เมืองสมุทรสงคราม
ต่อมานางรุ่งนภา หรั่งนิ่ม ภรรยาผู้ตายมาพบตำรวจและขอดูศพ โดยยืนยันว่าเป็นสามีตนเอง โดยหายตัวออกจากบ้านไปตั้งแต่วันที่ 27 มิ.ย. 51 ซึ่งจากการสอบสวนนายศรัณย์ให้การว่า วันเกิดเหตุคือช่วงค่ำวันที่ 27 มิ.ย. ผู้ตายได้ขับรถเบนซ์มาหาภรรยาตนที่บ้าน ด้วยความหึงหวงตนเลยใช้ปืนยิงนายสมโภชน์ที่ขา 1 นัด นายสิทธิพงษ์เห็นเลยเข้ามาแย่งปืน ทำให้กระสุนถูกแขนนายสิทธิพงษ์ ก่อนจะทะลุไปโดนนายสมโภชน์จนเสียชีวิต จากนั้นตนวานให้นายสิทธิพงษ์ ที่ยังหลบหนีอยู่ แบกศพใส่ท้ายรถเก๋งของเหยื่อไปทิ้งในพงหญ้า และนำรถไปจอดทิ้งไว้ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งย่าน จ.นนทบุรี และเอาปืนไปขายให้วัยรุ่น กระทั่งถูกตำรวจบุกจับได้คาบ้านพักดังกล่าว
ขณะที่นางรุ่งนภายังไม่ปักใจเชื่อคำให้การของผู้ต้องหา โดยนางรุ่งนภาเชื่อว่าคนร้ายต้องการฆ่าชิงทรัพย์ เพราะบิดาของนายศรัณย์ เคยเป็นลูกน้องเก่าของสามีตน
ซึ่งสามีตนคอยช่วย เหลือเรื่องเงิน เวลาเดือดร้อนมาโดยตลอด แต่ระยะหลังไม่เคยติดต่อกันมานานกว่าปีแล้ว อีกทั้งภรรยาของนายศรัณย์เพิ่งจะคลอดลูก สามีตนคงไม่ไปยุ่งเกี่ยวด้วย ตนเชื่อว่าสามีตนน่าจะถูกหลอกให้มาที่บ้านนายศรัณย์ เพื่อหวังทรัพย์สินที่ติดตัวมา คือเงินสด 60,000 บาท นาฬิกาโรเล็กซ์ แหวนเพชร สร้อยทองพร้อมพระเลี่ยมทองที่หายไปจนเกลี้ยง รวมมูลค่าเกือบ 1 ล้านบาท เบื้องต้นตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การของผู้ต้องหาเช่นกัน ซึ่งจะสอบสวนสาเหตุที่แท้จริงต่อไป.