รถตู้บรรทุกญาติชาวอุบลฯ กลับกรุงหลังหยุดวันเข้าพรรษา รถเกิดเสียจอดช่องทางเบี่ยง ถ.วิภาวดีฯขาเข้าหน้า บ.ยาคูลท์ กลางดึก ระทึก! เก๋งแอคคอร์ดซิ่งนรกเสยท้ายอย่างจัง ผู้โดยสารนับ 10 ชีวิตรับเคราะห์ ดับคาที่ 1 สาหัส 2
วันนี้ (23 ก.ค.) เมื่อเวลา 02.00 น. พ.ต.ท.สมจิตร ศรีนาเเมือง สวส.สน.วิภาวดี รับแจ้งเหตุมีรถชนกัน มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ บริเวณหน้า บ.ยาคูลท์ ถ.วิภาวดีรังสิต ขาเข้า แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ ประสานมูลนิธิป่อเต็กตึ้ง รุดไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุเป็นทางเบี่ยงเข้าช่องทางด่วน เศษกระจกแตกเต็มถนน พบรถตู้โตโยต้า คอมมูเตอร์ สีบรอนซ์เทา ทะเบียน อห 7953 กทม. จอดอยู่ในสภาพประตูหลังเปิดอยู่ ไฟท้ายด้านขวาแตกละเอียด ข้าวของสัมภาระตกหล่นกระจัดกระจาย ตรวจสอบข้างรถพบศพ นายขาว ไม่ทราบนามสกุล อายุ 40 ปี มีสภาพใบหน้าซีกซ้ายหายไปทั้งแถบ เสียชีวิตคาที่ นอกจากนี้ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสอีก 2 ราย คือ นายสงวน ไม่ทราบนามสกุล อายุ 48 ปี เป็นคนขับรถ สภาพแขนขาหัก กระดูกโหนกแก้มด้านซ้ายและขวา ทะลุออกมานอกใบหน้า อีกรายเป็นหญิงไม่ทราบชื่ออายุ 47 ปี ภรรยาของนายสงวน บาดเจ็บศีรษะแตก เจ้าหน้าที่ต้องปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนนำส่ง รพ.วิภาวดี
ส่วนรถคู่กรณีเป็นรถเก๋ง ฮอนด้า แอคคอร์ด สีบรอนซ์เทา ทะเบียน ฐย 2095 กทม. สภาพกันชนหลุด กระจกหน้ารถแตก กระโปรงหน้าพังยับเยิน
ทราบชื่อคนขับคือ นายสิรวุฒิ เจียรพงษ์ อายุ 29 ปี บ้านเลขที่ 11/13 ซ.ศูนย์วิจัย แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง อยู่ในอาการมึนเมาอย่างหนัก ยืนอยู่ในที่เกิดเหตุด้วยอาการตกใจ สอบสวนนายนัฐพล มัสยามาศ อายุ 31 ปี ผู้โดยสารรถตู้ที่ประสบอุบัติเหตุ ทราบว่า ตนกับภรรยา มีอาชีพเป็นช่างก่อสร้าง รวมทั้งผู้ที่โดยสารมาบนรถตู้อีก 9 คน เป็นชาว จ.อุบลราชธานี โดยนายสงวน คนขับรถได้ชักชวนพวกตนให้เดินทางไปเยี่ยมบ้านเกิดในช่วงเข้าพรรษา จนกระทั่งเวลา 13.00 น.ของวันที่ 22 ก.ค. นายสงวน ขับรถตู้คันดังกล่าวมารับทุกคนเพื่อเดินทางกลับมาทำงานที่กรุงเทพฯ พอมาถึงจุดที่เกิดเหตุหม้อน้ำรถแตก ทำให้ต้องจอดซ่อม โดยตนรวมทั้งผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิต ได้ลงมาตรวจสอบ เป็นจังหวะเดียวกันกับที่รถเก๋งคู่กรณี ขับมาด้วยความเร็วสูง พุ่งชนท้ายรถตู้และกลุ่มผู้บาดเจ็บอย่างจัง ทำให้กระเด็นไปคนละทิศละทาง แต่ตนโชคดีสามรถกระโดดหลบได้ทัน ทำให้ไม่ได้รับบาดเจ็บ
พ.ต.ท.สมจิตร กล่าวว่า จากการสอบถามทราบว่ารถตู้คันดังกล่าวมาจอดเสียตรงทางเบี่ยงเข้าช่องทางด่วนพอดี
ทำให้รถเก๋งคู่กรณีที่ขับมาด้วยความเร็ว จะเข้าไปช่องทางด่วนหักหลบไม่พ้นพุ่งชนเต็มแรง เบื้องต้นต้องรอสอบปากคำผู้ได้รับบาดเจ็บและพยานในที่เกิดเหตุให้เรียบร้อยก่อน ส่วนนายสิรวุฒิ ได้ให้เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวไปตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ที่ สน.วิภาวดี รวมทั้งต้องรอให้อยู่ในสภาพที่พร้อมจะให้ปากคำ เนื่องจากยังให้การสับสน วกวนอยู่ ก่อนจะแจ้งความดำเนินคดีต่อไป.