พ่อเลี้ยงโหดฆ่า 2 แม่ลูกตายคาบ้าน หลงรักลูกติดเมีย นักเรียนสาวปวช.วัย 16 ปี
แต่ลูกเลี้ยงไม่เล่นด้วยเลยแทงตายแล้วใช้หมอนกดหน้าแม่ตายไปอีกศพ ก่อนเกิดเรื่องลูกเลี้ยงสาวกลับจากเวียนเทียนที่วัด มาถึงบ้านเจอพ่อเลี้ยงฉุดกระชากลากตัวจะดึงเข้าบ้าน แต่ต่อสู้ขัดขืนจึงถูกพ่อเลี้ยงโหดใช้มีดจ้วงแทงไม่ยั้งตายคาที่ แม่ตื่นขึ้นมาเห็นเหตุการณ์ร้องโวยวาย เลยถูกพ่อเลี้ยงฆ่าปิดปาก ใช้หมอนกดหน้าจนขาดใจตาย แล้ววิ่งหนีออกจากบ้านก่อนย้อนกลับมามอบตัว สารภาพหลงรักลูกเลี้ยงสาวมานานแล้ว
เมื่อเวลา 01.00 น. วันที่ 18 ก.ค. พ.ต.ต.ยิ่งยง มีคุณ สว.สส.สภ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี รับแจ้ง
เหตุฆ่ากันตาย ที่บ้านเลขที่ 9/14 ม.3 ต.ท่าผา จึงพร้อมด้วยพ.ต.อ.นิรันดร์ ดีมี ผกก. กำลังเจ้าหน้าที่ แพทย์ร.พ.บ้านโป่ง และมูลนิธิรวมใจการกุศล รุดไปที่เกิดเหตุ
เมื่อไปถึงบ้านหลังดังกล่าว
ในห้องนอนพบศพนางจันท์วดี บุญชะม้อย อายุ 42 ปี เจ้าของบ้าน นอนอยู่บนเบาะ สภาพศพไม่พบบาดแผลใดๆ แต่ใบหน้าเขียวคล้ำเหมือนคนขาดอากาศหายใจ ข้างศพพบหมอน 1 ใบ ส่วนบนพื้นห้องพบศพหญิงสาว ทราบชื่อคือน.ส.จินต์นิภา หรือ แนน อำภา อายุ 16 ปี บุตรสาวนางจันท์วดี นักเรียนปวช.ชั้นปีที่ 1 โรงเรียนบ้านโป่งบริหาร ธุรกิจ ถูกอาวุธมีดปลายแหลมแทงตามลำตัว รวม 5 แผล นอนจมกองเลือด
ปล้ำลูกเลี้ยง-ขัดขืน พ่อเลี้ยงหื่น ฆ่าตายทั้งแม่-ลูก
ส่วนมือมีดจอมโหดรายนี้ทราบชื่อคือนายสิงห์ ขำเลิศ อายุ 33 ปี
ซึ่งเป็นสามีใหม่และเป็นพ่อเลี้ยงของน.ส.จินต์นิภา หลังก่อเหตุได้หลบหนีออกจากบ้านไป ต่อมาเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ รับสารภาพว่าเป็นคนสังหาร 2 แม่ลูก พร้อมของกลางอาวุธมีดปลายแหลมยาว 9 นิ้วที่ใช้ก่อเหตุ
จากการสอบสวนทราบว่า
นายสิงห์บ้านเดิมอยู่ ต.เกาะศาลพระ อ.วัดเพลง จ.ราชบุรี มีอาชีพเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัย บริษัทผลิตอะไหล่รถจักรยานยนต์แห่งหนึ่งในจ.ราชบุรี ต่อมาได้มารู้จักชอบพอและอยู่กินด้วยกันกับนางจันท์วดี ซึ่งสามีเก่าคือนายสมชัย อำภา เสียชีวิตไปแล้วประมาณ 5 ปี และมีลูกสาวติดมาคือน.ส.จินต์นิภา ซึ่งเป็นเด็กหน้าตาดี มีชายหนุ่มมาชอบพอหลายคน รวมถึงนายสิงห์พ่อเลี้ยงซึ่งพยายามหาโอกาสล่วงเกินอยู่บ่อยๆ จนน.ส.จินต์นิภาต้องหลบไปอาศัยอยู่กับตา คือนายบุญช่วย บุญชะม้อย อายุ 70 ปี
ต่อมานางจันท์วดีล้มป่วยลง และเข้ารักษาตัวที่ร.พ.บ้านโป่ง
น.ส.จินต์นิภาจึงมาเฝ้าอาการป่วยของแม่ ระหว่างที่อยู่ร.พ.นายสิงห์ได้พยายามล่วงเกิน แต่รปภ.โรงพยาบาลมาพบเห็นเสียก่อน จึงช่วยไว้ได้ จนกระทั่งต่อมานางจันท์วดีได้กลับมารักษาตัวที่บ้าน ก่อนเกิดเหตุช่วงค่ำวันที่ 17 ก.ค. น.ส.จินต์นิภาได้ไปเวียนเทียนที่วัดกับเพื่อนๆ โดยนายสิงห์เฝ้ารออยู่ที่หน้าบ้าน เพื่อหวังจะขอพูดคุยด้วย จนดึกเมื่อน.ส.จินต์นิภากลับมาและจะไปนอนที่บ้านนายบุญช่วย นายสิงห์ได้เข้าไปคุย และชวนให้เข้าไปเยี่ยมนางจันท์วดีที่นอนป่วยอยู่ในบ้าน แต่น.ส.จินต์นิภาไม่ยอมเข้าไปเพราะกลัวจะถูกลวนลาม
เมื่อน.ส.จินต์นิภาปฏิเสธ ทำให้นายสิงห์ไม่พอใจตรงเข้าฉุดกระชากตัว และพยายามปลุกปล้ำแต่น.ส.จินต์นิภาต่อสู้ขัดขืน ทำให้นายสิงห์บันดาลโทสะ ชักมีดออกมาแทงไปที่หน้าท้องน.ส.จินต์นิภาหลายครั้งจนล้มลงเสียชีวิตหน้าบ้าน จากนั้นนายสิงห์ได้อุ้มร่างน.ส.จินต์นิภาเข้าไปในบ้าน นางจันท์วดีซึ่งนอนอยู่ได้ยินเสียงเอะอะตื่นขึ้นมา และส่งเสียงโวยวายนายสิงห์เห็นท่าไม่ดี จึงวางศพน.ส.จินต์นิภาลงกับพื้น แล้วใช้หมอนกดไปที่ใบหน้านางจันท์วดีสิ้นใจตายคาที่นอนไปอีกคน ก่อนจะวิ่งหนีออกจากบ้าน ก่อนจะเปลี่ยนใจกลับมามอบตัว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ตั้งข้อหานายสิงห์ว่าฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
เวลา 09.30 น. เจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายสิงห์ไปทำแผนประกอบคำสารภาพที่เกิดเหตุ ปรากฏว่า
มีญาติๆ ของ 2 แม่ลูก และเพื่อนบ้านจำนวนมากไปเฝ้าดู และส่งเสียงสาปแช่งต่างๆ นานา และฮือกันจะเข้ามาประชาทัณฑ์ เจ้าหน้าที่จึงต้องคุมตัวนายสิงห์กลับโรงพัก โดยเลื่อนการทำแผนออกไป