พิษรักแรงหึง หนุ่มก่อสร้างระแวงเมียวัย 18 นอกใจ สาดน้ำกรดทั่วตัว ตั้งแต่ใบหน้ายันข้อเท้า บาดเจ็บสาหัส
แถมยังกระเซ็นถูกลูกน้อยวัย 3 ขวบบาดเจ็บไปด้วย ขนาดนอนรักษาตัวที่ รพ.ยังตามราวีไม่เลิก โทรฯ ข่มขู่ไม่ให้แจ้งความจนเหยื่อผวาหนักย้ายห้องหนีทุกวัน เพราะกลัวจะย้อนกลับมาทำร้ายซ้ำ จนเหยื่อสาวต้องโร่ขอความช่วยเหลือมูลนิธิปวีณา เผยผัวหึงโหดชอบหาเรื่องทะเลาะทุบตีเป็นประจำ ตอนนอนหลับยังแอบตัดผมจนแหว่งมาแล้ว ด้าน “ปวีณา” รุดเยี่ยมเหยื่อสาว พร้อมจี้ตำรวจดำเนิน คดีผัวให้เข็ดหลาบ ระบุพฤติกรรมเป็นภัยต่อสังคม ขณะที่ตำรวจเตรียมออกหมายจับแล้ว
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 15 ก.ค. นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี พร้อมด้วย พ.ต.อ.สุรชัย เจ็ดพี่น้องร่วมใจ ผกก.สน.ภาษีเจริญ
เดินทางไปที่ห้องเลขที่ 405 ชั้น 4 โรงพยาบาลบางไผ่ เพื่อเยี่ยมอาการของ น.ส.อร (นามสมมุติ) อายุ 18 ปี มีบ้านพักอยู่ในพื้นที่แขวงคูหาสวรรค์ เขตภาษีเจริญ กท. ซึ่งเป็นผู้เสียหายที่ถูก นายพิเชษฐ์ ทองมล อายุ 26 ปี ผู้เป็นสามี ใช้น้ำกรดสาดเข้าที่ใบหน้าและตามร่างกายหลายแห่ง จนได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยมีสาเหตุจากความหึงหวง เหตุเกิดเมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 13 ก.ค. ที่ผ่านมา ภายในบ้านเลขที่ 80 ถนนเพชรเกษม 28 แยก 22 แขวงคูหาสวรรค์ ซึ่งเป็นบ้านของนายพิเชษฐ์
น.ส.อร ที่มีแผลไหม้พุพองทั่วร่างกาย ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างรักษาตัว โดยมีผ้าพันแผลพันตามร่างกายเต็มไปหมด
เปิดเผยว่า ตนมีอาชีพรับเลี้ยงเด็ก ส่วนนายพิเชษฐ์ เป็นคนงานก่อสร้าง อยู่กินกันมาโดยที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส จนมีลูกชายวัย 3 ขวบ ด้วยกัน 1 คน ตลอดเวลาที่คบกัน นายพิเชษฐ์มักจะหาเรื่องทะเลาะเบาะแว้งและทุบตีตนเป็นประจำ เนื่องจากระแวง ว่าตนจะไปมีคนอื่น ช่วงหลังนายพิเชษฐ์เริ่มใช้ความรุนแรงมากขึ้น ถึงขนาดตอนนอนยังไปหยิบ มีดแอบมาตัดผมของตน ก่อนจะบอกว่า “ผมแหว่งอย่างนี้ ดูสิจะมีใครมากล้ายุ่งไหม” ทำให้ตนกลัวมาก จึงพาลูกหนีไปอยู่กับพี่สาว
ผัวระแวงเมียสาดน้ำกรดใส่
น.ส.อร กล่าวต่อว่า จนกระทั่งในวันที่เกิดเหตุตนได้พาลูกชายไปที่บ้านนายพิเชษฐ์ เพื่อกลับไปขนข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวของตน เป็นจังหวะที่นายพิเชษฐ์อยู่บ้านพอดี
ทำให้มีปากเสียงกันอีกครั้ง ขณะนั้นนายพิเชษฐ์ได้ถามตนว่าจะกลับมาอยู่บ้านหรือไม่ ตนบอกว่าตอนนี้ยังไม่พร้อม ทำให้นายพิเชษฐ์เดินหัวฟัดหัวเหวี่ยงเข้าไปในครัว ก่อนจะเดินออกมาพร้อมหมวกกันน็อก ที่เอาน้ำกรดเทใส่เอาไว้ จากนั้นนายพิเชษฐ์ถามตนด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยอีกครั้งว่าจะกลับมาอยู่บ้านหรือไม่ ตนก็ตอบไปว่ายังไม่กลับตอนนี้ แต่ยังไม่ทันจะสิ้นเสียงของตน นายพิเชษฐ์ได้สาดน้ำกรดใส่ตนที่บริเวณใบหน้า ทำให้ตนร้องด้วยความเจ็บปวด แต่นายพิเชษฐ์ยังไม่หยุดเพียงแค่นั้น กลับสาดน้ำกรดมาที่เป้ากางเกงของตนอีก ตนถึงกับล้มลงไปดิ้นพราดอยู่กับพื้น และกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด นอกจากนี้น้ำกรดยังกระเซ็นไปโดนลูกชายตนที่ยืนอยู่ใกล้กันอีกด้วย ทำให้ร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดเช่นกัน ซึ่งขณะนี้ลูกชายตนอาการปลอด ภัยแล้ว จึงได้นำไปฝากไว้กับพี่สาว ส่วนตนถูกนำส่งมา รพ.บางไผ่
“ตั้งแต่ตนมารักษาตัวที่โรงพยาบาลยังโดนตามราวีไม่เลิก เพราะนายพิเชษฐ์พยายามโทรฯมาหา เพื่อข่มขู่ไม่ให้ตนไปแจ้งความ และพยายามสอบถามหมายเลขห้องพักที่โรงพยาบาล จนตนต้องขอเจ้าหน้าที่ย้ายห้องทุกวัน เนื่องจากกลัวว่าจะถูกนายพิเชษฐ์ตามมาทำร้ายอีก ซึ่งตนไม่รู้จะไปพึ่งใครแล้ว จึงปรึกษากับญาติ ๆ ก่อนตัดสินใจเข้าร้องทุกข์กับมูลนิธิปวีณา” ผู้เสียหาย กล่าว
ส่วนนางปวีณา กล่าวว่า หลังรับทราบเรื่องตนได้ประสานกับทาง สน.ภาษีเจริญ แล้วรีบรุดมาเยี่ยมผู้เสียหาย เพื่อหาทางช่วยเหลือให้รวดเร็วที่สุด
อย่างไรก็ตาม ตนทราบมาว่าแม้นายพิเชษฐ์จะสำนึกผิด บอกกับทางภรรยาว่าถึงแม้หน้าตาจะเปลี่ยนไปยังไงก็จะรักเหมือนเดิม แต่ตนเห็นว่านายพิเชษฐ์นั้นเห็นแก่ตัวเกินไป เพราะผู้เสียหายจะใช้ชีวิตอยู่ในสังคมที่ต้องพบปะพูดคุยกับคนจำนวนมากได้อย่างไร ประกอบกับในขณะนี้ผู้เสียหายก็ยังถูกตามราวีไม่เลิก ตนจึงอยากวอนให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีกับนายพิเชษฐ์ให้ถึงที่สุด เพราะมีพฤติกรรมที่เป็นภัยต่อสังคมอย่างมาก
ขณะที่ นพ.ไตรเลิศ ชาญอนุรักษ์ แพทย์โรงพยาบาลบางไผ่ เจ้าของไข้ เปิดเผยว่า หลัง รับตัวผู้บาดเจ็บเข้าทำการรักษาเมื่อช่วงหัวค่ำวันที่ 13 ก.ค. ที่ผ่านมา
ก็พบว่ามีบาดแผลจากการถูกสารเคมี ซึ่งผู้เสียหายแจ้งว่าเป็นน้ำกรด เข้าที่บริเวณใบหน้าและตามลำตัว ลากยาวไปจนถึงข้อเท้าหลายแห่ง จนเป็นแผลไหม้พุพอง ตนจึงได้แยกตัวออกมารักษาที่ห้องปลอดเชื้อ งดให้ อาหารและน้ำ ทำความสะอาดและพันบาดแผล ก่อนให้น้ำเกลือเเละยาฆ่าเชื้อ ตลอดจนต้องฉีดยาระงับความเจ็บปวดอย่างต่อเนื่อง โชคดีที่สารเคมีดังกล่าวไม่กระเซ็นเข้าตา ซึ่งอาจทำให้ผู้เสียหายตาบอดได้ ขณะนี้พบว่ามีบาดแผลติดเชื้อที่ริมฝีปากเท่านั้น ส่วนอื่น ๆ ยังอยู่ในเกณฑ์ดี เบื้องต้นต้องรักษาตัวเกินกว่า 20 วัน และอาจมีปัญหาเรื่องรอยแผลเป็นดึงรั้งส่วนที่เป็นข้อต่อต่าง ๆ ซึ่งจะทำให้ผู้เสียหายประกอบกิจวัตรประจำวันได้ไม่เหมือนเดิม
ทางด้าน พ.ต.อ.สุรชัย กล่าวว่า เรื่องนี้ทางญาติผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความกับ ร.ต.ท. สุริยา แน่นอุพำ ร้อยเวร สน.ภาษีเจริญ เอาไว้ตั้งแต่วันที่เกิดเหตุแล้ว
ซึ่งตนได้สั่งการให้ทำการสอบปากคำผู้เสียหาย และญาติๆแล้ว เหลือเพียงสอบปากคำแพทย์ผู้ให้การรักษาเท่านั้น ก่อนรวบรวมหลักฐานในการขออำนาจศาลออกหมายจับนายพิเชษฐ์ คาดว่าไม่น่าจะเกิน 1-2 วันนี้ก็จะออกหมายจับได้ โดยคาดว่าในขณะนี้นายพิเชษฐ์น่าจะหลบหนีไปต่างจังหวัดแล้ว ซึ่งตนจะให้ฝ่ายสืบสวนติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีอย่างเร่งด่วน ส่วนมาตรการด้านการรักษาความปลอดภัยให้แก่ผู้เสียหาย ตนได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่สายตรวจมาเฝ้าผู้เสียหายแล้ว.