ขึ้นสน.เสียค่าปรับ ตร.จำได้โจรแสบ เลยรวบเข้าซังเต

โจรยกเซฟชะล่าใจ ขึ้นโรงพักเสีย ค่าปรับคดีไม่พกสำเนาทะเบียนจยย.

บังเอิญตร.บนโรงพักจำหน้าได้ว่ามีหมายจับคดีร่วมกันยกเซฟบ้านพักย่านธรรมศาลาเลยแจ้งสารวัตรล็อกตัวไว้ได้ทันที สารภาพเพิ่งจบวิศวะ มหาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง ยังไม่มีงานทำเลยตระเวนลักทรัพย์กับเพื่อนที่โดนตร.จับไปก่อนหน้า

ร.ต.ท.วิรัช ทองอยู่ รอง สว.สส. และด.ต.วันชัย อครวงษ์ ผบ.หมู่ฝ่ายสืบสวน สน.ธรรมศาลา ได้พบกับนายชัยสิทธิ์ เจริญพันธ์ อายุ 23 ปี

อยู่บ้านเลขที่ 5 หมู่ 6 ต.ท่าหลวง อ.เมือง พิจิตร ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาธนบุรี เลขที่ จ.769/2548 ลงวันที่ 31 มิ.ย. 2548 และหมายจับเลขที่ จ.771/2548 ลงวันที่ 31 มิ.ย. 2548 ในข้อหาร่วมกันโจรกรรมตู้เซฟ เนื่องจากผู้ต้องหาเกิดความชะล่าใจเข้ามาเสียค่าปรับในคดีไม่พกสำเนาทะเบียนรถในโรงพัก โดยไม่คิดว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะจำหน้าได้ เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนทั้ง 2 นาย รีบเข้าควบคุมตัว พร้อมรายงานให้ทางพ.ต.ต.ภูวเดช เนียมศรี สว.สส. นำหมายจับมาแสดงให้ผู้ต้องหาดูและแจ้งข้อหา เมื่อผู้ต้องหาเห็นหมายจับของศาลถึงกับหน้าถอดสีทันที

พ.ต.ต.ภูวเดชกล่าวว่า ขณะที่ตนกำลังทำคดีลักทรัพย์อยู่นั้น ทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนได้เข้ามาแจ้งว่ามีผู้ต้องสงสัยใบหน้าคล้ายกับนายชัยสิทธิ์

ซึ่งเป็นผู้ต้องหาคดีลักทรัพย์ เข้ามาที่สน.จึงได้นำหมายศาลลงมาตรวจสอบและนำตัวมาสอบสวน ซึ่งคนร้ายได้ให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุลักทรัพย์จริงโดยร่วมกับนายจักรพันธ์ ผู้ต้องหาอีก 1 ราย ซึ่งถูกจับกุมไปแล้วก่อนหน้านี้ ลักทรัพย์ในบ้านเรือนประชาชนในเขตพื้นที่สน.ธรรมศาลาจริง

จากการสอบสวนนายชัยสิทธิ์ให้การรับสารภาพว่า จบการศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง ย่านบางเขน

ขณะนี้ยังไม่มีงานทำ และในวันนี้ตนเข้ามาเสียค่าปรับข้อหาไม่พกพาสำเนารถจักรยานยนต์ที่โรงพัก โดยไม่คิดว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะออกหมายจับตนเองและจะจำหน้าได้ ซึ่งก่อนหน้านี้ตนยอมรับว่าได้ร่วมกับนายจักรพันธ์ก่อเหตุลักทรัพย์จริง แต่คดีลักเซฟนั้นตนขอปฏิเสธ

พล.ต.ต.ไพศาลกล่าวว่า แม้ผู้ต้องหาจะให้การปฏิเสธ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็มั่นใจว่าจะสามารถดำเนินคดีกับนายชัยสิทธิ์ได้อย่างแน่นอน เนื่องจากมีหลักฐานชี้ชัดและเชื่อมโยงถึงนายชัยสิทธิ์จนศาลท่านอนุมัติออกหมายจับ