จากกรณีที่นางจันทรา ปั้นสิงห์ อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 33/3 หมู่ 8 ต.คลองควาย อ.สามโคก จ.ปทุมธานี พาบุตรชายคือเด็กชายธนกร ปั้นสิน หรือน้องเฟรม อายุ 2 ขวบ เข้ารักษาเพื่อผ่าฝีที่ใต้ตาแต่โรงพยาบาลหยอดยาผิดกลายเป็นน้ำกรดนั้น
นายไชยา สะสมทรัพย์ รมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่าสั่งการให้กองการประกอบโรคศิลปะร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี
ไปตรวจสอบมาตรฐานทั้งสถานที่ บุคลากรของโรงพยาบาลเอกชนที่เป็นต้นเหตุเป็นการด่วน เพื่อให้ได้มาตรฐานตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.2541 "จากการประเมินข้อมูลที่ปรากฏ แปลกใจว่าน้ำกรดไปอยู่คู่กับยาสลบได้อย่างไร สะท้อนให้เห็นถึงการปฏิบัติงานที่สะเพร่า ยาอันตรายควรเก็บแยกไว้ต่างหากและต้องใช้อย่างระมัดระวัง" นายไชยากล่าว
น.พ.ธารา ชินะกาญจน์ ผอ.กองการประกอบโรคศิลปะ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวว่า จัดส่งเจ้าหน้าที่ 3 คนไปตรวจสอบโรงพยาบาลเอกชนในวันนี้ร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานสาธารณสุข จ.ปทุมธานี
โดยจะดูทั้งมาตรฐานสถานที่ความสะอาด และความปลอดภัย ถ้าไม่ได้มาตรฐานเกี่ยวกับความสะอาด และความปลอดภัย จะมีโทษปรับ 10,000 บาท ซึ่งตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาลพ.ศ.2541 กำหนดให้บุคลากรที่ปฏิบัติงานให้บริการในสถานพยาบาล ต้องเป็นผู้มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเท่านั้น ห้ามนำผู้ไม่มีใบประกอบวิชาชีพมาให้บริการอย่างเด็ดขาด หากฝ่าฝืนจะมีโทษจำคุก 2 ปีหรือปรับ 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยในเรื่องมาตรฐานการปฏิบัติงานของบุคลากรแพทย์ พยาบาลนั้นจะประสานส่งให้สภาวิชาชีพคือแพทยสภา และสภาการพยาบาล ดำเนินการตรวจสอบต่อไป
เวลา 09.00 น. วันเดียวกัน นายมานะ ปั้นสิงห์ อายุ 24 ปี พ่อของน้องเฟรม เดินทางเข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.ประสพสุข บรรณสุธี ที่สภ.สวนพริกไทย จ.ปทุมธานี
เพื่อดำเนินคดีกับพยาบาลและเรียกร้องสินไหมทดแทน เพราะตอนนี้ภรรยาต้องลางานจากทางบริษัท เพื่อออกมาดูแลลูกชาย จนทำให้ทางบริษัทแจ้งให้ภรรยาของตนลาออกจากงานก่อน เพื่อดูแลลูก ทำให้ครอบครัวต้องขาดรายได้และเกรงว่าลูกจะเกิดปัญหาในอนาคต จึงเดินทางเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ด้านนายพชรดณัย สัตนาโค ผู้จัดการฝ่ายการตลาดร.พ. เปิดเผยว่าขณะนี้ทางโรงพยาบาลต้องขอโทษและแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
พร้อมทั้งรับผิดชอบเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมด และต้องขอสอบสวนพยา บาลและฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อตรวจสอบหาข้อเท็จจริงดังกล่าว ซึ่งอยู่ในระหว่างการดำเนินการสอบสวน ส่วนตัวยาดังกล่าวทางโรงพยาบาลก็ต้องขอสอบสวนกับพยาบาลและผู้จ่ายยาอย่างละเอียด และเบื้องต้นส่งเด็กไปตรวจที่ร.พ.ธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ผลทราบว่าอวัยวะภายในไม่ได้รับอันตราย แต่ก็ต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ของทางโรงพยาบาลอย่างใกล้ชิด ป้องกันการติดเชื้อ