เรือนจำคลองเปรมฉาว ผู้คุมบุกค้นตัวนักโทษแดน 2 เจอเงินเกือบล้านบาท-มือถือ 7 เครื่อง คาดพัวพันลอบเปิดบ่อน-โต๊ะบอลในเรือนจำ
แฉเป็นสมุน "นริศ ตุ้มทอง" มาเฟียคุก ยัดเงินปิดปากผู้คุมลอบเปิดบ่อนนานร่วมเดือน เงินสะพัดวันละร่วมล้านบาท อธิบดีกรมคุกยัวะ เรือนจำอ้างเจอเงินแค่ 700 สั่งตั้ง กก.สอบ ลั่นปกปิดไม่เอาไว้ เหตุการณ์อื้อฉาวภายในเรือนจำครั้งนี้ เปิดเผยเมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 23 มิถุนายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หัวหน้าผู้ควบคุมนักโทษที่เขตควบคุมพิเศษแดน 2 ได้นำกำลังบุกเข้าจู่โจมตรวจค้น นายณัฐพล แย้มชู หรือเก่ง นักโทษคดีฆ่าคนตาย ที่ถูกควบคุมตัวอยู่ที่เขตควบคุมพิเศษแดน 2 ขณะกำลังเดินขึ้นเรือนนอน จากการตรวจค้นในตัวพบเงินสดร่วม 1 ล้านบาท พร้อมโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง และเครื่องชาร์ตโทรศัพท์อีก 12 เครื่อง หลังจากสืบทราบว่ามีการลักลอบเล่นการพนันในเขตควบคุมดังกล่าว และเชื่อว่านายณัฐพลมีส่วนเกี่ยวข้องกับการลักลอบเปิดเล่นการพนันในเรือนจำ จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวนายณัฐพลมาสอบสวน เพื่อหาผู้ร่วมขบวนการ
รายงานข่าวแจ้งว่า นายณัฐพลเป็นลูกน้องคนสนิทของนายนริศ ตุ้มทอง หรือแกละ นักโทษต้องคดีฆ่าคนตาย
ซึ่งนายนริศเป็นเจ้าของบ่อนเล่นพนันไฮโล และเป็นผู้มีอิทธิพลในเขตควบคุมพิเศษแดน 2 ในการเปิดเล่นแต่ละวันจะมีนักโทษประมาณ 7-8 คน ซึ่งเป็นลูกน้องของนายนริศ เป็นคนคุมบ่อน จนกระทั่งบ่อนดังกล่าวมีเงินแพร่สะพัดเป็นหลักล้านบาทในแต่ละวัน โดยเฉพาะช่วงฟุตบอลยูโร 2008 นายนริศได้ลักลอบเปิดโต๊ะรับพนันฟุตบอลควบคู่ไปกับบ่อนไฮโล แหล่งข่าวรายหนึ่งเปิดเผยกับผู้สื่อข่าว "คม ชัด ลึก" ว่า บ่อนการพนันของนายนริศนั้น นักโทษในแดน 2 จะรู้จักกันในชื่อ "บ่อนโทษสูง" มีการลักลอบเล่นพนันไฮโลมานานประมาณ 1 เดือนแล้ว
ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่พยายามเข้าตรวจค้นเป็นประจำ แต่นายนริศจะใช้วิธีจ่ายเงินใต้โต๊ะให้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์หลายคน เพื่อให้เป็นหูเป็นตาคอยแจ้งข่าวให้ทราบ
โดยจะจ่ายเป็นรายวัน วันละ 2,000-3,000 บาท ทำให้บ่อนดังกล่าวเปิดเล่นได้อย่างสะดวก เนื่องจากเจ้าหน้าที่ทำเป็นมองไม่เห็น ที่ผ่านมาเคยมีนักโทษรายหนึ่งเข้าไปเล่นพนันในบ่อนแล้วเสียเงินจนหมดตัว ต้องยืมเงินจากบ่อนจนติดหนี้พนันจำนวนมาก หลังจากนั้นลูกน้องของนายนริศได้ติดตามทวงหนี้ พร้อมทั้งขู่อาฆาตว่า หากหาเงินมาใช้หนี้ไม่ได้ก็จะฆ่าให้ตาย ไม่นานนักโทษรายนั้นก็ผูกคอตาย
นายวันชัย รุจนวงศ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบข้อมูลในเบื้องต้นทราบว่า มีการตรวจค้นนักโทษในเรือนจำครองเปรมจริง
แต่ในรายงานระบุของกลางเป็นเงินเพียง 700 บาทเท่านั้น พร้อมด้วยโทรศัพท์มือถืออีก 6 เครื่อง แต่ช่วงค่ำวันเดียวกันได้สอบถามย้ำไปยังผู้บัญชาการเรือนจำ ก็ยังยืนยันว่าพบเงินของกลางเพียง 700 บาท ไม่ได้มากถึงเกือบ 1 ล้านบาท และยังยืนยันว่า ในเรือนจำไม่มีการลักลอบเปิดบ่อนการพนันแต่อย่างใด
"ถ้าผมตรวจสอบแล้วพบว่ามีนักโทษลักลอบเปิดบ่อนการพนันในเรือนจำจริง ก็ถือว่าเจ้าหน้าที่ที่ควบคุมดูแลมีความผิดตามระเบียบเรือนจำ ถือว่าละเลยการปฏิบัติหน้าที่จนทำให้มีการลักลอบเปิดบ่อนขึ้น ได้สั่งให้ตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงต่อไป รวมไปถึงหากพบว่าเจ้าหน้าที่ปกปิด ไม่ยอมรายงานความจริงให้ผมรู้ ก็ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ที่มีความผิด ถ้าผลสอบสวนออกมาว่าเป็นการรายงานเท็จ ผมไม่เอาไว้แน่นอน" นายวันชัยกล่าว
อธิบดีกรมราชทัณฑ์กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมาการทำงานของกรมราชทัณฑ์มีการเข้าตรวจค้นนักโทษที่ลักลอบใช้โทรศัพท์มือถือในการสั่งยาเสพติด
โดยเฉพาะเรือนจำ 5 แห่ง ที่ถูกจัดให้เป็นเรือนจำอันตราย ก็ส่งเจ้าหน้าที่ชุดจู่โจมเข้าไปตรวจค้นทุกสัปดาห์ รวมทั้งสนธิกำลังเจ้าหน้าที่ปราบปรามยาเสพติดประสานการทำงานร่วมกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการทำงานเจ้าหน้าที่ที่ควบคุมดูแลนักโทษในแต่เรือนจำจะมีการตรวจค้นนักโทษอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว เรื่องที่จะมีนักโทษลักลอบเปิดบ่อนพนันนั้น เชื่อว่าไม่น่าจะมีแน่นอน เพราะหากมีก็ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่และถือว่าเจ้าหน้าที่ทำงานบกพร่อง
"เรื่องบ่อนการพนันในเรือนจำนั้น ผมไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่ถ้ามีก็คงจะมีเพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่แอบเล่นพนันกัน ถือว่าเป็นเรื่องธรรมชาติที่เจ้าหน้าที่อาจจะดูแลไม่ทั่วถึง โดยเฉพาะช่วงเข้านอนเวลากลางคืน แต่ถ้าลักลอบเปิดเป็นบ่อนใหญ่ๆ เล่นได้เสียมีเงินหมุนเวียนเป็นล้านๆ ผมไม่เคยได้ยินข่าวเพราะถ้าเล่นกันจริงก็คงได้ข่าวแล้ว" นายวันชัยกล่าว