คุก 12 ปี ไอ้หื่นข่มขืนเพื่อนลูกวัย 17
โดย ทีมข่าวอาชญากรรม ผู้จัดการออนไลน์ 1 มีนาคม 2549 13:26 น.
ศาลตัดสินจำคุก 12 ปี หนุ่ม กทม.หื่นกามข่มขืนเพื่อนลูกสาววัย 17 แถมถ่ายรูปแบล็กเมล์ หลังปฏิเสธขืนใจฝ่ายหญิง อ้างรักกันต้องการขออยู่กิน แต่โจทก์ไม่ยินยอม
วันนี้ (1 มี.ค.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลมีคำพิพากษาในคดีความผิดทางเพศ ที่พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายแมนรัตน์ หรือ เต้ย นุตบุญเลิศ อายุ 33 ปี ชาว กทม.อาชีพรับจ้าง เป็นจำเลยในความผิดฐานพรากผู้เยาว์อายุกว่า 15 ปี แต่ไม่เกิน 18 ปี ไปเพื่อการอนาจาร โดยผู้เยาว์ไม่เต็มใจไปด้วย และข่มขืนกระทำชำเราหญิงอื่นซึ่งมิใช่ภรรยาของตน ใช้กำลังประทุษร้ายโดยหญิงอื่นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้
ตามฟ้องโจทก์เมื่อวันที่ 6 พ.ค.48 ระบุความผิดจำเลยสรุปว่า เมื่อประมาณเดือน มี.ค.-ก.ย. 47 เวลากลางวันต่อเนื่องกัน จำเลยได้หลอกให้ น.ส.พลอย (นามสมมติ) อายุ 17 ปี ผู้เสียหายซึ่งเป็นเพื่อนกับลูกสาวจำเลยขณะที่มาเที่ยวเล่นบ้านของจำเลยว่า ให้ไปหยิบของในห้องนอนของจำเลย จากนั้นจำเลยได้เดินตามเข้าไปล็อกประตู ก่อนใช้กำลังปลุกปล้ำข่มขืนกระทำชำเราจนสำเร็จความใคร่ 1 ครั้ง แล้วข่มขู่ไม่ให้ผู้เสียหายบอกเรื่องนี้กับใคร มิฉะนั้นจะทำร้ายผู้เสียหายและครอบครัว
หลังจากนั้นจำเลยยังโทรศัพท์มาข่มขู่ พร้อมกับสั่งให้ผู้เสียหายไปพบเพื่อข่มขืนอีกหลายครั้ง จนกระทั่งเดือย ก.ย.47 จำเลยให้ผู้เสียหายไปพบเวลา 05.00 น. ทำให้ผู้เสียหายต้องไปพบจำเลยทั้งชุดนักเรียน เมื่อมาถึงที่บ้านพักจำเลยถอดเสื้อผ้าผู้เสียหาย จนเหลือแต่ชุดชั้นใน แล้วใช้กล้องถ่ายรูปเปลือยเก็บไว้ พร้อมกับบอกผู้เสียหายว่าจะเก็บไว้ประจานให้ผู้เสียหายอับอาย ผู้เสียหายจึงนำเรื่องทั้งหมดไปบอกแก่มารดา จนกระทั่งเข้าแจ้งความแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจให้ดำเนินคดี
จำเลยให้การรับสารภาพว่าได้กระทำชำเราผู้เสียหายจริง แต่ปฏิเสธว่าไม่ได้ขืนใจโดยอ้างว่าผู้เสียหายสมยอม โดยจำเลยกับผู้เสียหายรักกัน จำเลยขอมารดาผู้เสียหายแล้วว่าจะขออยู่กินกับผู้เสียหายอย่างเปิดเผย แต่มารดาของผู้เสียหายไม่ยินยอม รวมทั้งเรียกร้องค่าเสียหาย เมื่อจำเลยไม่ให้จึงถูกแจ้งความจับกุม
ศาลพิเคราะห์หลักฐานโจทก์และจำเลยแล้วข้อเท็จจริงรับฟังเป็นที่ยุติว่า โจทก์มีผู้เสียหายซึ่งเป็นหญิงสาวเบิกความได้โดยรายละเอียดทั้งที่เป็นเรื่องน่าอับอาย เสียชื่อเสียงแก่ตัวเองและครอบครัว ประกอบกับจำเลยให้การรับสารภาพว่าได้เสียกับผู้เสียหาย เมื่อไม่ปรากฏว่าผู้เสียหายมีเหตุต้องโกรธเคืองกับจำเลยมาก่อน จึงไม่มีเหตุให้ระแวงว่าจะแกล้งเบิกความปรักปรำจำเลยให้ต้องรับโทษ เชื่อว่าโจทก์เบิกความไปตามจริง ที่จำเลยอ้างว่าผู้เสียหายรักกันกับจำเลยนั้น หากผู้เสียหายรักจำเลยจริงก็ไม่มีเหตุผลที่จะเบิกความยืนยันความผิดของจำเลย พยานหลักฐานของจำเลยมีน้ำหนักเพียงพอที่จะหักล้างพยานโจทก์ได้ จำเลยมีความผิดตามฟ้อง
พิพากษาให้ลงโทษฐานข่มขืนกระทำชำเราหญิงอื่นที่มิใช่ภรรยาตนเองจำคุก 5 ปี ฐานพรากผู้เยาว์อายุกว่า 15 ปี แต่ไม่เกิน 18 ปี ไปเพื่อการอนาจาร จำคุก 4 ปี รวมจำคุก 9 ปี จำเลยเคยต้องคดีครอบครองยาเสพติดมาก่อน เพิ่มโทษ 1 ใน 3 ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 92 รวมโทษจำคุกทั้งหมด 12 ปี