จ่อยิง7นัด เสี่ยพันล. ม.บ้านโกสุม

เมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 21 มิ.ย. พ.ต.ท.ปรีชา วงศ์รวิวรรณ พงส. (สบ 2) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งเหตุยิงกันตายหน้าบ้านเลขที่ 100/41 ซอยโกสุมนิเวศน์แยก 1 ถนนกำแพงเพชร 6 แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม.

ไปตรวจสอบพร้อม พล.ต.ต.วรศักดิ์ นพสิทธิพร ผบก. น.2 พ.ต.อ.สุรศักดิ์ ศานุจารย์ รอง ผบก.น.2 พ.ต.อ.วัชรพงศ์ ดำรงค์ศรี ผกก.สน.ทุ่งสองห้อง เจ้าหน้าที่ กก.สส.น.2 กองพิสูจน์หลักฐาน และแพทย์สถาบันนิติเวชฯ จุดเกิดเหตุเป็นซอยตัน ห่างจากปากซอยประมาณ 100 เมตร พบศพนายมานพหรือหนุ่ย พลจันทร์ อายุ 52 ปี เจ้าของหมู่บ้านที่เกิดเหตุและเจ้าของบ้านเลขที่ 100/41 ห่างจากจุดเกิดเหตุ 20 เมตร นอนหงายจมกองเลือดเสียชีวิตในชุดเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาว กางเกงขาสั้นสีน้ำตาล รองเท้าคัตชูสีน้ำตาล มีบาดแผลถูกยิงตามลำตัวหลายแห่ง ไล่ตั้งแต่หน้าอกซ้าย เอวขวา สีข้างซ้าย หน้าท้อง ท้องน้อย สะโพกขวาและที่ก้น รวมทั้งหมด 7 นัด ในที่เกิดเหตุพบแว่นสายตาของผู้ตายตกอยู่ ปลอกกระสุนปืน.38 จำนวน 1 ปลอก และหัวกระสุนตะกั่ว 1 หัว เจ้าหน้าที่จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน


 


จากการสอบสวนนายเกษมสุวรรณ หอมหวล อายุ 48 ปี คนขับรถของผู้ตาย ให้การว่า พักอยู่บ้านเดียวกับผู้ตายและคนรับใช้อีก 1 คน

ส่วนภรรยาและลูกสาวของผู้ตาย 3 คน ไปอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ก่อนเกิดเหตุผู้ตายเตรียมตัวจะออกไปทำบุญที่วัด ซึ่งเป็นกิจวัตรประจำทุกวันเสาร์ แต่ยังไม่ทราบว่าจะไปวัดใด ขณะที่ ออกไปยืนรออยู่ที่หน้าบ้าน ตนกำลังเข้าห้องน้ำ ได้ยินเสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหวหลายนัดซ้อน รีบวิ่งออกไปดู พบคนร้ายขี่รถ จยย.ซ้อนท้ายกันหลบหนีออกไปทางปากซอย ส่วนนายมานพ เจ้านาย นอนฟุบจมกองเลือดเสียชีวิตไปแล้ว จึงรีบโทรศัพท์แจ้งตำรวจ

ส่วนพยานที่เห็นเหตุการณ์คนหนึ่ง ระบุว่าเห็นคนร้ายขี่รถ จยย.แบบผู้หญิง สีน้ำเงินเข้ม คนขี่สวมหมวก กันน็อกแบบเต็มใบ ส่วนคนซ้อนท้ายสวมหมวกแก๊ปปิดบังใบหน้า ทั้งคู่สวมเสื้อแจ็กเกตสีดำ ขี่ตรงไปหาผู้ตาย จากนั้นคนซ้อนท้ายลงจากรถชักปืนกระหน่ำยิงแบบไม่ยั้ง จนผู้ตายล้มฟุบแต่ยังไม่สิ้นใจ ระหว่างนั้นกระสุนปืนเกิดขัดลำกล้อง มือปืนไม่ปล่อยให้เหยื่อรอดชีวิตไปง่ายๆ รีบนำกระสุนที่เตรียมมาสับเปลี่ยนใส่เข้าไปในลูกโม่ใหม่ จากนั้นจ่อยิงผู้ตายซึ่งยังมีสติพยายามลุกขึ้นคุกเข่ายกมือไหว้ร้องขอชีวิต แต่ไม่เป็นผล มือปืนอำมหิตกระหน่ำยิงซ้ำจนกระทั่งแน่ใจว่าเสียชีวิตแน่นอน จากนั้นขึ้นซ้อนท้ายรถ จยย.ขี่ออกไปอย่างใจเย็น ไม่รีบร้อน

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปตรวจหาหลักฐานภายในบ้านของผู้ตาย พบว่า มีบ้านปลูกทั้งหมด 3 หลัง สูง 2 ชั้น 2 หลัง และ 3 ชั้นสไตล์ยุโรปอีก 1 หลัง

ในเบื้องต้นพบเอกสารการฟ้องร้องคดีต่างๆเกี่ยวกับที่ดินจำนวนนับร้อยคดี ในจำนวนนี้มีคดีที่ผู้ตายฟ้องพิพาทเรื่องครอบครองที่ดินกับมารดาและญาติๆ รวมทั้งฟ้องร้องกับผู้อาศัยในหมู่บ้านด้วย นอกจากนี้ ยังพบสมุดบันทึกไดอารี่ของผู้ตายบันทึกวันเวลาที่จะไปขึ้นศาลในแต่ละคดี  ด้าน พ.ต.ท.ปรีชา วงศ์รวิวรรณ พนักงานสอบสวนเจ้าของคดีเปิดเผยว่า จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่าผู้ตายเป็นนักธุรกิจพันล้าน เป็นเจ้าของกิจการอสังหาริมทรัพย์หลายอย่าง อาทิ เจ้าของหมู่บ้านโกสุมนิเวศน์ที่ผู้ตายพักอาศัย รวมทั้งตลาดนัดโกสุมรวมใจย่านดอนเมือง นอกจากนี้ ยังมีธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ธุรกิจการเงินลงทุนและเครดิต ตลอดจนครอบครองที่ดินทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดอีกจำนวนมาก ทราบว่าผู้ตายสำเร็จการศึกษาด้านเศรษฐศาสตร์จากสหรัฐอเมริกา ส่วนครอบครัวเท่าที่ ทราบขณะนี้ลูกเมียอาศัยอยู่ที่สหรัฐฯ สำหรับสาเหตุเบื้องต้นจากหลักฐานที่พบ ผู้ตายมีคดีฟ้องร้องเกี่ยวกับเรื่องที่ดินอยู่กับมารดาและพี่น้องนับร้อยคดี แต่ในชั้นนี้ยังสรุปสาเหตุที่แน่ชัดไม่ได้ ต้องรอเรียกผู้เกี่ยวข้องและผู้เห็นเหตุการณ์มาสอบสวนต่อไป 

ด้าน พล.ต.ต.วรศักดิ์ นพสิทธิพร ผบก.น.2 เปิดเผยว่า คดีนี้ยังไม่สามารถสรุปสาเหตุที่ชัดเจนว่าเกี่ยวกับเรื่องฟ้องร้องที่ดินหรือไม่ ขอเวลาทำงานสัก 2-3 วัน คาดว่าจะได้ข้อมูลที่ชัดเจนกว่านี้ เพราะมีพยานที่เห็นเหตุการณ์

ต่อมาเจ้าหน้าที่ กก.สส.น.2 สอบปากคำนางโกสุม สุชาตะประคัลภ์ อายุ 81 ปี มารดาของผู้ตายทราบว่ามีเรื่องฟ้องร้องกับลูกชายจริงเกี่ยวกับเรื่องที่ดินแปลงหนึ่งย่านนวลจันทร์ ซึ่งนางโกสุมขายให้กับบริษัทอสังหาริมทรัพย์แห่งหนึ่ง มูลค่า 300 ล้านบาท มีการโอนเงินกันเรียบร้อยแล้ว และบริษัทดังกล่าวได้นำที่ดินไปทำธุรกรรมเพื่อพัฒนาพื้นที่กับธนาคารแห่งหนึ่งเป็นเงิน 700 ล้านบาท ปรากฏว่าผู้ตายทราบภายหลังได้ยื่นฟ้องต่อศาลให้ระงับการซื้อขายชั่วคราว อ้างว่ามีส่วนในกรรมสิทธิ์ที่ดินดังกล่าวด้วย เพราะเป็นที่ดินของบริษัท และได้แจ้งความไว้ที่ สน.โคกคราม จากนั้นแต่งตั้งทนายความเจรจากับบริษัทคู่กรณีเพื่อขอเงินค่าส่วนต่างเพิ่ม มีการพูดคุยกันไปแล้ว 1 ครั้งเมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา และได้นัดเจรจาความกันใหม่ในเดือน ก.ค.ที่จะถึง แต่มาถูกยิงเสียก่อน นอกจากนี้ ผู้ตายยังมีการฟ้องร้องกับพี่น้องอีกหลายคดีล้วนแล้วแต่เรื่องที่ดินทั้งสิ้น ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างสอบสวน ขยายผลว่าจะเกี่ยวข้องกับประเด็นใด แต่น่าเชื่อว่าเป็นเรื่องพิพาทที่ดินอย่างแน่นอน เนื่องจากผู้ตายเป็นคนไม่ยอมใคร รวมทั้งไม่ยอมประนีประนอมยอมความอีกด้วย ส่วนประเด็นชู้สาวไม่น่าใช่ เพราะผู้ตายมีโครงการจะไปอาศัยอยู่กับครอบครัวที่ต่างประเทศ


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์