“มทร. ธัญบุรี” ไฟเขียวอ้าแขนรับ “เหยื่อ” รับน้องโหด ย้ายเข้ามาศึกษาต่อได้ทันที
หลังผู้บริหารสถานศึกษาเดิมประสานให้รับเข้าเรียนต่อ ด้านกลุ่มรุ่นพี่-อาจารย์สำนึกผิดตบเท้าขอขมาผู้ปกครองกันหน้าจ๋อย ทำเอาเด็กคนเจ็บไม่ติดใจเอาเรื่อง 6 รุ่นพี่ “เผาขนเพชร-จู๋แช่น้ำผสมพริก” ยันสมัครใจทำเอง ส่วน 3 ผู้คุมด่านจุดไฟเผาหลังน้อง ถูกพักการเรียนแล้ว 1 ปี แถมยังโดนตร.ส่งลายนิ้วมือ ตรวจสอบประวัติอาชญากร พร้อมสรุปสำนวนส่งอัยการทันที “อ.ครุศาสตร์ จุฬาฯ” จวกยับแนวคิด “บุญลือ” ลงโทษรุ่นพี่เชือดไก่ให้ลิงดู เป็นการใช้ความรุนแรงเข้ามาจัดการ แนะเป็นรัฐมนตรีจะพูดเพื่อความสะใจไม่ได้
จากเหตุการณ์รับน้องสุดโหดผสมเล่น พิเรนทร์เกินจะรับได้ จนกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต
กรณีนายโก้ (นามสมมุติ) อายุ 20 ปี ชาว จ.สุราษฎร์ธานี นักศึกษาชั้นปี 1 คณะวิศวกรรมอุตสาหการ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ เข้าแจ้งความกับตำรวจทุ่งมหาเมฆ เอาผิดรุ่นพี่ปี 2 สถาบันเดียวกัน หลังโดนรับน้องด้วยวิธีที่ป่าเถื่อนรุนแรงจนได้รับบาดเจ็บแผ่นหลังถูกเผาเป็นแผลไหม้เกรียม อย่างไรก็ตามหลังเกิดเรื่องฉาวรุ่นพี่ 3 คนที่ใช้เหล็กเฟืองนาบหลังพ่นสีสเปรย์และจุดไฟแช็กใส่ รีบเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ เบื้องต้นแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่น ส่วนรุ่นพี่อีก 6 คน ที่เผาขนเพชร-บังคับจุ่มอวัยวะเพศในน้ำผสมพริก ยังไม่ยอมเข้ามอบตัว ขณะที่มหาวิทยาลัยต้นสังกัดสั่งตั้งกรรมการสอบ ระบุหากผิดจริงถูกพักการเรียน 1 ปี ต่างกับนายบุญลือ ประเสริฐโสภา รมช. ศึกษาธิการ ประกาศลั่นโดนโทษอาญาแล้วต้องให้ออกสถานเดียว เป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องที่สังคมจับตามอง ที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ วันที่ 18 มิ.ย.
พ.ต.อ.กิตติพันธุ์ จุนทการ ผกก.สน.ทุ่งมหาเมฆ เปิดเผยความคืบหน้ากรณีรับน้องโหดว่า พนัก งานสอบสวนได้นำตัวนายโก้ไปตรวจบาดแผลที่โรงพยาบาลจุฬาฯ เพื่อนำใบรับรองแพทย์มาประกอบสำนวน ส่งอัยการฟ้องรุ่นพี่ 3 คน โดยผลรับรองแพทย์ระบุผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บจริง แต่ไม่ถึงสาหัส เนื่องจากแพทย์ระบุต้องใช้เวลารักษาบาดแผลเพียง 14 วัน ทั้งนี้ถ้าจะแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บสาหัส ต้องรักษาตัวไม่น้อยกว่า 20 วัน ทางเจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหารุ่นพี่ 3 คนในข้อหา ร่วมกันทำร้ายร่างกายให้ได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ
พักการเรียน3รุ่นพี่โหด
ผกก.ทุ่งมหาเมฆ กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องที่ยังเหลือรุ่นพี่อีก 6 คน ยังไม่เข้ามอบตัว เป็นกลุ่มรุ่นพี่ที่คุมฐานไฟแช็กเผาขนเพชร
และเอาอวัยวะเพศจุ่มน้ำผสมพริกนั้น เจ้าหน้าที่ไม่ได้เรียกทั้ง 6 คนมาสอบปากคำแต่อย่างใด เนื่องจากไม่มีผู้เสียหายมาแจ้งความ ทั้งนี้การกระทำดังกล่าวไม่ได้เป็นการกระทำให้เกิดอันตรายแก่ร่างกาย อีกทั้งจากการสอบปากคำผู้เสียหายเบื้องต้นก็ให้การว่า ฐานที่รุ่นพี่ 6 คนใช้ไฟแช็กเผาขนเพชรกับใช้อวัยวะเพศจุ่มน้ำผสมพริกนั้น ไม่ได้เป็นการบังคับขู่เข็ญ แต่เป็นการถามความสมัครใจมากกว่า ผู้เสียหายจึงแจ้งความเอาผิดเรื่องการใช้สเปรย์ฉีดผ่านไฟแช็กใส่หลังจนได้รับบาดเจ็บเป็นแผลพุพองเท่านั้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ส่งลายนิ้วมือของรุ่นพี่ทั้ง 3 คนไปตรวจสอบทะเบียนประวัติอาชญากรที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก่อนสรุปสำนวนให้อัยการ ส่งตัวผู้ต้องหาฟ้องที่ศาลแขวงพระนครใต้ เวลา 10.00 น. ในวันที่ 19 มิ.ย.
ด้าน ผศ.เฉลิม มัติโก อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) กรุงเทพ กล่าวว่า
เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.ที่ผ่านมา ตนโทรศัพท์ไปหา รศ.ดร.นำยุทธ์ สงค์ธนาพิทักษ์ อธิการบดี มทร.ธัญบุรี และ ผศ.ดร.สมชัย หิรัญวโรดม คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ ของ มทร.ธัญบุรี ซึ่งเป็นเครือข่ายเดียวกัน ขอความอนุเคราะห์ในการรับนายโก้เข้าศึกษาต่อใน มทร.ธัญบุรี ซึ่ง รศ.ดร.นำยุทธ์ และผศ.ดร.สมชัย ยินดีที่จะรับนายโก้เข้าศึกษาต่อในภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์เรียบร้อยแล้ว และก็ได้แจ้งให้นายโก้ทราบแล้วด้วย โดยในวันที่ 19 มิ.ย.นี้ ให้ไปรายงานตัวได้เลย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ทราบว่ารุ่นพี่ทุกคน รวมทั้งอาจารย์ในสาขาวิชาวิศวกรรมอุตสาหการ ก็เสียใจด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ทราบว่ารุ่นพี่และอาจารย์ของคณะดังกล่าวได้ไปขอขมาผู้ปกครองและนายโก้แล้ว ส่วนการลงโทษรุ่นพี่ที่ก่อเหตุ 3 คน ได้สั่งการให้ลงโทษพักการเรียน 1 ปีไปแล้ว
นายบุญลือ ประเสริฐโสภา รมช. ศึกษาธิการ กล่าวว่า รุ่นพี่ที่ออกมาบอกว่าการรับน้องที่เกิดขึ้นเป็นประเพณี
และรุ่นน้องสมัครใจนั้น ตนมองว่าการกระทำดังกล่าวรุนแรงไม่เหมาะสม และผิดกฎหมาย ที่สำคัญเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน ไม่ควรจะยึดถือเป็นประเพณี จะมาอ้างว่ารุ่นน้องสมัครใจไม่ได้ เรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่ว่าให้นักเรียนออกมารับผิดชอบคนเดียว อาจารย์-ผู้บริหารต้องร่วมรับผิดชอบด้วย ตนได้กำชับ ดร.สุเมธ แย้มนุ่น เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) เร่งสอบสวนข้อเท็จจริง หากพบมีความผิดก็ให้ดำเนินการสอบสวนทางวินัยทันที เพราะถือว่ากระทรวงฯเตือนไปแล้วเรื่องการรับน้อง
ขณะที่ รศ.ดร.สมพงษ์ จิตระดับ อาจารย์ประจำคณะครุศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวว่า
การลงโทษโดยพักการเรียน 1 ปี ถือว่าหนักพอควร เพราะเด็กต้องเสียโอกาสเรียน และเสียโอกาสทำงานอีก 1 ปี ระหว่างนี้ควรให้รุ่นพี่ไปบำเพ็ญประโยชน์ที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมรับน้อง เช่น ไปเป็นวิทยากรเดินสายพูดเรื่องผลกระทบจากการรับน้องโหดที่ส่งผลต่ออนาคตของตนเอง เพื่อให้เพื่อน ๆ นิสิตนักศึกษามหาวิทยาลัยต่าง ๆ รู้ถึงผลที่เกิดขึ้น ส่วนที่นายบุญลือ ระบุว่าต้อง การลงโทษรุ่นพี่เป็นการเชือดไก่ให้ลิงดูนั้น ตนเห็นว่าเป็นการนำความรุนแรงเข้ามาจัดการ คนเป็นรัฐมนตรีจะพูดเพื่อความสะใจอย่างเดียวไม่ได้ ต้องดูข้อเท็จจริงด้วย เพราะสังคมไทยมีความรุนแรงมากพอแล้ว การห้ามรับน้องมาก ๆ จะเป็นการกดดันให้รุ่นพี่แอบไปรับน้องลับหลัง หรือนอกสถานที่ได้ การจะออกมาตรการใดเกี่ยวกับรับน้อง ต้องให้พอดี และให้นิสิตนักศึกษาร่วมแสดงความคิดเห็นด้วย
ด้านสวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต สำรวจความเห็นประชาชนทั่วไป นักเรียน นักศึกษา และผู้ปกครองที่มีบุตรหลานอยู่ในวัยเรียนจำนวน 1,088 คน
ระหว่างวันที่ 17-18 มิ.ย. เรื่องประชาชนคิดอย่างไรกับการรับน้อง โดยมีหัวข้อดังนี้ 1.ประชาชนเห็นด้วยกับภาพ รวมของประเพณีการรับน้องหรือไม่ ตอบว่าเห็นด้วย 47.31% ไม่เห็นด้วย 37.07% เฉย ๆ 15.62% 2.ความคิดเห็นที่มีต่อการรับน้องปัจจุบัน คำตอบ ใช้ความรุนแรงมากขึ้น 27.90% เป็น ประเพณีที่ยึดถือปฏิบัติมานาน 23.89% ได้รับการปลูกฝังแบบผิด ๆ 19.27% และอื่น ๆ อีก 28.94% 3.วิธีที่ดีที่สุดในการรับน้อง จัดกิจกรรมที่ทำประโยชน์ให้สังคม 29.09% ปฏิบัติตามกฎของสถาบัน 25.18% 4.สาเหตุที่ทำให้เกิดความรุนแรง คึกคะนอง 30.45% ขาดการดูแลจากอาจารย์ 21.29% เก็บกดจากที่เคยถูกกระทำมาก่อน 19.22% ไม่มีจิตสำนึก 16.49% และมีของมึนเมาเข้ามาเกี่ยวข้อง 12.55%.