พ.ต.อ.กิตติพันธุ์กล่าวอีกว่า ช่วงเที่ยงตนพร้อมทีมงานสอบสวน จะเดินทางไปพบนายสุกิจ นิตินัย คณบดี คณะวิศวกรรมศาสตร์
เพื่อเชิญตัวมาสอบสวน และติดต่อขอรับเอกสารหลักการ การจัดระเบียบการรับน้องมาประกอบสำนวนการสอบสวน และจะไปตรวจสอบอาคาร 14/1 ที่ผู้เสียหายระบุว่าเป็นอาคารที่เกิดเหตุอีกด้วย
ต่อมาเมื่อเวลา 14.00 น. พ.ต.อ.กิตติพันธุ์ได้นำตัวนักศึกษาที่ก่อเหตุรับน้องใหม่แบบพิสดารมาที่ สน. ทุ่งมหาเมฆ เข้ามอบตัวกับ พล.ต.ต.สาโรจน์ พรหมเจริญ ผบก.น.5 ประกอบด้วย นายนพพร หรือนพ เกิดศิริ อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1035/58 หมู่ 15 ต.บางเสาธง กิ่ง อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ นายกีรติ หรือต้อม เริงอาจ อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 58 หมู่ 12 ต.บ้านค่าย อ.เมืองชัยภูมิ และนายโอภาส หรือโอม พิมพ์คลองธรรม อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 9 หมู่ 3 ต.ปลวกแดง อ.ปลวกแดง จ.ระยอง ทั้ง 3 คนเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 2 คณะวิศวกรรมอุตสาหการ มหาวิทยาลัยเดียวกันกับผู้เสียหาย
จากการสอบปากคำทั้งสามคนให้การสอดคล้องในทำนองเดียวกันว่า กิจกรรมการรับน้องใหม่ที่ด่าน วัดใจ
มีพวกตนทั้ง 3 คนเป็นผู้ดูแล และได้บอกกับรุ่นน้องทั้ง 32 คนก่อนว่าไม่ได้บังคับว่าทุกคนจะต้องผ่านด่านนี้ ปัญหาข้างหน้ายังมีมากกว่านี้ ถ้าไม่กล้าต่อไปก็ไม่ต้องทำอะไรแล้ว และกิจกรรมดังกล่าวพวกตนก็เคยถูกรุ่นพี่ใช้ในกิจกรรมรับน้องใหม่มาแล้วด้วยเช่นกัน ซึ่งทุกคนก็ยินยอมที่จะผ่านด่านนี้ เรื่องที่เกิดขึ้นพร้อมที่จะยอมรับผิด ส่วนด่านอื่นๆพวกตนไม่ทราบเพราะไม่ได้ดูแล เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นให้ได้รับบาดเจ็บ และปล่อยตัวกลับไป เพราะพนักงานสอบสวนยังไม่ได้มีการออกหมายจับ จึงไม่ต้องประกันตัว
นายเฉลิม มัติโก อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตกรุงเทพ กล่าวว่า
ให้ทางคณะวิศวกรรมอุตสาหการตรวจร่างกายนักศึกษาปี 1 ทุกคน พบว่ามีนักศึกษาอีก 3 คน ที่บาดเจ็บมีรอยแดงตามร่างกาย ซึ่งได้เข้าให้ปากคำเพิ่มเติมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว การกระทำดังกล่าวจะต้องรับโทษต่ำสุดคือ พักการเรียน 1 ปี ยอมรับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมหาวิทยาลัยปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นความย่อหย่อน โดยในวันศุกร์ที่ 13 มิ.ย. ที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยได้มีการจัดกิจกรรมรับน้องใหม่ของแต่ละคณะ มีนักศึกษาเข้าร่วมประมาณ 4,000 คน ซึ่งมีคณาจารย์คอยดูแลอยู่ตลอด แต่เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลังการจัดกิจกรรมรับน้องของมหาวิทยาลัย โดยทราบว่ารุ่นพี่กลุ่มดังกล่าวได้แยกไปแอบใช้ห้องเรียนในตึกที่ไม่มีคนเรียนอยู่ ทำกิจกรรมที่ไม่เหมาะสม
นายเฉลิมกล่าวอีกว่า สำหรับนักศึกษาที่ได้รับบาดเจ็บ ทางมหาวิทยาลัยยินดีรับผิดชอบค่าใช้จ่ายรักษาพยาบาล และอื่นๆ ที่ทางครอบครัวต้องการให้ช่วยเหลือ
หากนักศึกษาคนดังกล่าวต้องการเรียนต่อ ทางมหาวิทยาลัยก็รับประกันว่าจะให้การดูแลเป็นพิเศษ แต่หากนักศึกษาไม่ต้องการที่จะเรียนต่อ ก็พร้อมดำเนินการประสานไปยังมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลวิทยาเขตอื่นๆ เพื่อให้นักศึกษาเข้าไปเรียนในสาขาเดิมได้
วันเดียวกัน ที่สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา นายสุเมธ แย้มนุ่น เลขาธิการฯ กล่าวว่า
สกอ.ได้ตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงแล้ว โดยให้นายสรรค์ วรอินทร์ ที่ปรึกษาด้านพัฒนาภูมิปัญญาท้องถิ่น สกอ. เป็นประธาน รายงานผลสอบให้ทราบภายใน 7 วัน หากอธิการบดีมีความผิดจะเสนอเรื่องต่อสภามหาวิทยาลัย ให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนอธิการบดี ส่วนอาจารย์และเจ้าหน้าที่อื่นๆ จะสอบสวนทางวินัยตามลำดับต่อไป เรื่องนี้ต้องเป็นความรับผิดชอบของหัวหน้าภาควิชา คณะรองอธิการบดี จนถึงอธิการบดี ส่วนกรณีนายสุรเดชต้องการย้ายที่เรียน ทางมหาวิทยาลัยก็ควรคืนเงินค่าเล่าเรียนให้กับนายสุรเดช ส่วนกรณีรุ่นพี่จะลาออกนั้น คิดว่าการพักการเรียน 1-2 ภาคเรียน ก็เป็นบทลงโทษที่หนักพอแล้ว คงไม่ต้องไล่ออก เป็นหน้าที่ของมหาวิทยาลัยที่จะต้องอบรมบ่มนิสัยรุ่นพี่ กลุ่มนี้ให้ดี
ด้านนายบุญลือ ประเสริฐโสภา รมช.ศึกษาธิการ กล่าวว่า
ได้สั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงผู้บริหารมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตกรุงเทพที่เกี่ยวข้องทั้งหมด หากพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องแต่ไม่ดำเนินการใดๆ จะพิจารณาโทษทางวินัย พร้อมกับขึ้นแบล็กลิสต์ผู้บริหารและอาจารย์ ไว้ด้วย ส่วนการดำเนินการกับรุ่นพี่นั้น หากเจ้าหน้าที่ตำรวจเห็นว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ และรับไว้เป็นคดีอาญา ตนจะให้ไล่รุ่นพี่ที่ก่อเหตุออกจากมหาวิทยาลัยดังกล่าวในทันที
ขณะที่นายรณรุจ คำแก้ว ลุงของนายสุรเดช กล่าวว่า
หลานชายจะไม่เรียนในมหาวิทยาลัยแห่งนี้อีก และต้องการย้ายไปเรียนที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลคลอง 6 แต่ไม่รู้ว่าทางมหาวิทยาลัยจะดำเนินการประสานเรื่องย้ายให้หรือไม่ เพราะหลานรับสภาพไม่ได้ และไม่มี จิตใจที่จะเรียนต่อที่นี่อีกแล้ว