เอแบคโพลล์สำรวจพบเด็กกรุงเทพฯ และปริมณฑลร้อยละ 83.8 คิดว่าการเล่นทายพนันบอลเป็นเรื่องธรรมดา เพราะอยากรวยทางลัดและได้ลุ้น โดยพูดคุยในเรื่องอัตราต่อรองและติดตามผ่านสื่ออินเทอร์เน็ต คาดเงินสะพัดช่วงบอลยูโรประมาณ 900 ล้านบาท
ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยว่า
ระหว่างวันที่ 1-14 มิถุนายน ที่ผ่านมา เอแบคโพลล์ได้สำรวจเรื่องจำนวนคนที่ตั้งใจเล่นทายพนันบอลและวงเงินสะพัดช่วงบอลยูโร 2008 จากกรณีศึกษาเด็กและเยาวชนอายุ 12-24 ปี ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล 2,910 ตัวอย่าง พบว่าร้อยละ 88.7 ติดตามการแข่งขันผ่านสื่อโทรทัศน์ ร้อยละ 36.6 ติดตามข่าวสารจากหนังสือพิมพ์ ที่น่าสนใจคือ ร้อยละ 28.6 ติดตามข่าวผ่านสื่ออินเทอร์เน็ต
ที่น่าเป็นห่วงคือ เด็กและเยาวชนร้อยละ 83.8 คิดว่าการเล่นทายพนันบอลเป็นเรื่องปกติธรรมดาสำหรับสังคมไทย
ในขณะที่ร้อยละ 16.2 ไม่คิดว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดา ผลสำรวจยังพบด้วยว่า เยาวชนร้อยละ 77.7 มีคนใกล้ชิดเล่นทายพนันบอล รองลงมาคือร้อยละ 76.6 ติดตามการวิเคราะห์ อัตราต่อรอง ร้อยละ 71.6 พูดคุยเรื่องอัตราต่อรอง ดร.นพดลกล่าวว่า เมื่อใช้หลักสถิติวิจัยในการประมาณการจำนวนเด็กและเยาวชนที่เตรียมเล่นทายพนันบอลในพื้นที่กรุงเทพมหานครและจังหวัดปริมณฑล พบมีจำนวนทั้งสิ้น 371,556 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 18.8 ของจำนวนทั้งหมด โดยเตรียมเงินไว้ในวงเงินสะพัดพนันบอลยูโร 2008 รวมทั้งสิ้น 924,059,772 บาท
ส่วนสาเหตุที่เล่นทายพนันบอลในความคิดเห็นของเด็กและเยาวชนที่ถูกศึกษาครั้งนี้ ร้อยละ 66.7 ระบุอยากรวยทางลัด ร้อยละ 64.3 เพราะได้ลุ้น ตื่นเต้นในการชมการแข่งขัน
ดร.นพดลกล่าวต่อว่า สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ เด็กและเยาวชนส่วนใหญ่มองว่าการเล่นทายพนันบอลเป็นเรื่องปกติธรรมดาของสังคมไทย และมีเด็กและเยาวชนจำนวนมากร่วมประมาณ 4 แสนคน ที่เข้าไปเล่นทายพนันบอลในการแข่งขันครั้งนี้