ดับขาใหญ่- ตำรวจพัทยาตรวจสอบสภาพศพนายจักรกฤษณ์ หรือติ่ง คำเส็ง ตำรวจอาสาและนักการเมืองท้องถิ่น ซึ่งถูกมือปืนจ่อยิงตายริมถนนเลียบทางรถไฟ ใกล้เคียงสถานีรถไฟเมืองพัทยา ซอยสยามคันทรี่คลับ โดยเมียสาวร่ำไห้อยู่ข้างศพ เมื่อวันที่ 31 พ.ค. |
รับแจ้งมีคนถูกยิงตายริมถนนเลียบทางรถไฟ ใกล้เคียงสถานีรถไฟเมืองพัทยา ซอยสยามคันทรี่คลับ หลังรับแจ้งรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.สรายุทธ สงวนโภคัย ผกก. พ.ต.ท.สมชาย ยศสมบัติ รองผกก.สส. พ.ต.ท.สัมฤทธิ์ ขุนชิต รองผกก.ป. พ.ต.ท.สมัย สมจิตร พนักงานสอบสวน แพทย์เวรร.พ.บางละมุง และเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างบริบูรณ์พัทยา
ที่เกิดเหตุพบศพนายจักรกฤษณ์ คำเส็ง หรือ ติ่ง อายุ 37 ปี อดีตผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาเมืองพัทยา ทีมพัทยาฟ้าใหม่ และเป็นตำรวจอาสา สภ.เมืองพัทยา นามเรียกขาน วัดบุณกัญย์จนาราม 301 อยู่บ้านเลขที่ 14/7 หมู่ 1 ต.นาป่า อ.เมือง จ.ชลบุรี
นอนหงายเสียชีวิตอยู่ริมถนน ในสภาพสวมเสื้อแขนสั้นลายเทาตัดเหลือง นุ่งกางเกงขาสั้นสีเทา สวมสร้อยคอทองคำ 1 เส้น และพกวิทยุสื่อสาร 1 เครื่องไว้ที่เอว ถูกยิงเข้าลำคอซ้าย 1 นัด กลางหลัง 1 นัด กระสุนทะลุหัวใจ และฝ่ามือซ้ายอีก 1 นัด ตามแขน-ขามีบาดแผลถลอกจากรถล้ม ใกล้ศพพบรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า รุ่นมีโอ สีฟ้า ทะเบียน คยฉ-118 ชลบุรี ของผู้ตายล้มตะแคงอยู่ มีร่องรอยถูกปืนยิงใต้บังโคลนล้อหลัง 1 นัด นอกจากนี้ ยังพบปลอกกระสุนปืน 9 ม.ม.ตกอยู่ 2 ปลอก และหัวกระสุนอีก 1 นัด จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
ต่อมา น.ส.น้ำฝน หนู่วงค์ อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 12/157 หมู่ 4 แขวงคลองสิบสอง เขตหนองจอก กทม.
ภรรยาผู้ตายและญาติเดินทางมาดูศพที่เกิดเหตุ เมื่อมาถึงตรงเข้ากอดร่างสามีร้องไห้ปิ่มใจขาด สอบสวนให้การว่า ก่อนทราบสามีถูกยิงไม่ถึง 2 ช.ม. ตนโทรศัพท์บอกสามีมารับกลับบ้านตามปกติ เนื่องจากเปิดร้านบาร์เบียร์ ย่านซอย 8 แต่สามีบอกว่าทำธุระอยู่นอกบ้าน ตนจึงกลับบ้านพัก ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 500 เมตร เมื่อมาถึงไม่พบสามี และเห็นโทรศัพท์มือถือทิ้งไว้ที่บ้าน คิดว่าคงขับขี่รถจักรยานยนต์ออกไปทำธุระ กระทั่งได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนตำรวจอาสาบอกว่าสามีถูกยิงตายจึงรีบออกมาดู
สำหรับสาเหตุ น.ส.น้ำฝนกล่าวว่า
ไม่ทราบว่าเกิดจากเรื่องใด แต่สามีทำงานหลายอย่าง ทั้งเป็นนายหน้าประกันตัวผู้ต้องหาตามโรงพักต่างๆ และเป็นตำรวจอาสา สภ.เมืองพัทยา รวมทั้งเคยลงสมัครสมาชิกสภาเมืองพัทยา แต่สอบตก จนหันมายึดอาชีพเสริมเป็นเซลส์ขายลิขสิทธิ์ค่ายเพลงตามสถานบริการในเมืองพัทยา ทำให้มีเรื่องราวทะเลาะเบาะแว้งกับคนหลายกลุ่มเกี่ยวกับอาชีพที่ทำอยู่ จนสามีต้องซื้อปืนมาพกติดตัวตลอดเวลา ล่าสุด เมื่อวันที่ 30 พ.ค.ที่ผ่านมา สามีมีปากเสียงกับคนข้างบ้านเรื่องนำต้นไม้มาปลูกรุกล้ำ แต่เรื่องก็ไม่น่าจะรุนแรงอะไร จึงยังไม่สามารถยืนยันชัดเจนหรือมั่นใจว่าเกิดจากสาเหตุใด เพราะสามีไม่เคยเล่าให้ฟัง
ด้าน พ.ต.อ.สรายุทธ กล่าวว่า
จากการสอบสวนปากคำพยานแวดล้อมไม่มีใครพบเห็นเหตุการณ์ สันนิษฐานว่าผู้ตายอาจออกมาทำธุระส่วนตัวบางอย่างกับคนรู้จัก ทำให้ไม่ทันระวังตัว จึงไม่ได้นำอาวุธปืนคู่กายติดมาด้วย จึงถูกคนร้ายที่เฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวอยู่ตลอดฉวยโอกาสยิงระหว่างขับรถกลับบ้านแล้วหลบหนีไป
สำหรับแนวทางการสืบสวน เจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งไว้หลายประเด็น เนื่องจากผู้ตายมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกับคนหลายกลุ่ม โดยเฉพาะมีปัญหากับเจ้าของสถานบริการหลายแห่งที่เคยถูกผู้ตายแจ้งตำรวจจับเกี่ยวกับคดีละเมิดลิขสิทธิ์ และการทำงานระหว่างเป็นตำรวจอาสา ที่มักไล่จับกุมและทำร้ายกลุ่มวัยรุ่นจนอาจเป็นมูลเหตุให้เกิดความแค้น รวมทั้งประเด็นการเมืองท้องถิ่น