โดยอ้างเรื่องฉาวในอดีตมาข่มขู่ พร้อมระบุจะวิ่งเต้นให้เป็นเจ้าคณะตำบล จนยินยอมจ่ายไปหวังกลบเรื่องเสื่อมเสีย แต่ 2 แสบยังไม่พอใจขอเงิน 2 ล้านเป็นครั้งสุดท้าย เจ้าอาวาสวัดดังสุดทนต้องวิ่งโร่แจ้งตำรวจซ้อนแผนจับกุม ผู้ต้องหาทั้งสองแฉหมดเปลือกพฤติกรรมไม่เหมาะสมของเจ้าอาวาส แต่พระชื่อดังปฏิเสธเป็นการใส่ร้าย ตำรวจจับแจ้งข้อหากรรโชกทรัพย์
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 15 พ.ค. พระครูพิพัฒน์สารกิจ หรือ อาจารย์ชัย อายุ 65 ปี เจ้าอาวาสวัดหนองหญ้าปล้อง
หมู่ 2 ตำบลและอำเภอหนองแซง จ.สระบุรี เดินทางเข้าร้องทุกข์กับพล.ต.ต.อลงกรณ์ หทัยยุทธิ ผบก.ภ. จว.สระบุรี โดยพระครูพิพัฒน์สารกิจ ให้การว่าถูกนายเนตร หรือสมเนตร ไม่ทราบนามสกุล อายุ 35-40 ปี อดีตพ่อค้าเร่ ได้เข้ามาตีสนิทแล้วบอกว่าสามารถวิ่งเต้นให้เลื่อนฐานะจากเจ้าอาวาสเป็นเจ้าคณะตำบลได้เนื่องจากมีความสนิทสนมกับพระผู้ใหญ่ โดยจะต้องเสียค่าใช้จ่าย 2.25 แสนบาท รวมทั้งนายเนตร ยังนำภาพในอดีตของอาตมาที่สวมใส่ชุดไม่เหมาะสมมาข่มขู่จะประจานต่อสาธารณชนด้วย จึงหลงเชื่อและเกรงว่าจะเสื่อมเสียกับภาพที่ออกไปจึงยินยอมนำเงินสด 2.25 แสนบาทมามอบให้
เจ้าอาวาส เผยอีกว่า ต่อมาเมื่อวันที่ 6 เม.ย.ที่ผ่านมา นายเนตร ได้กลับมาที่วัดอีกครั้ง โดยมาขอเงินสด 3 แสนบาทแลกกับซีดีที่บันทึกภาพไม่เหมาะสมของอาตมาอีก
ด้วยความกลัวจะเกิดความเสื่อมเสียจึงยินยอมมอบเงินให้อีก 3 แสนบาท และเมื่อวันที่ 14 พ.ค. ที่ผ่านมา นายเนตร ได้เดินทางมาหาอีก พร้อมข่มขู่จะนำภาพไม่เหมาะสมมาเปิดเผยโดยจะขอแลกกับเงินสด 2 ล้านบาท จึงตัดสินในนำเรื่องมาแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ช่วยดำเนินการ และสงสัยว่าจะมีพระลูกวัดรูปหนึ่งร่วมวางแผนข่มขู่กรรโชกทรัพย์จากอาตมาด้วย
โดยภายหลังรับแจ้งแล้วพล.ต.ต. อลงกรณ์ จึงสั่งการให้พ.ต.ท.สุเทพ ชนะสิทธิ์ รองผกก.หน.กลุ่มงานสืบสวน ภ.จว. สระบุรี
นำกำลังไปวางแผนจับกุม ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้นำกำลังไปซุ่มบริเวณวัดและให้พระครูพิพัฒน์สารกิจ เดินทางกลับเข้าวัดตามปกติ จากนั้นไม่นานก็มีพระสุรพงศ์ โพธ์เงิน หรือพระต่าย พระลูกวัด เดินออกมานอกวัดแล้วโทรศัพท์แจ้งให้นายเนตร เดินทางมารับเงิน ซึ่งไม่กี่นาทีต่อมานายเนตร หรือนายทาเนตร สมเนตร อายุ 43 ปี ได้ขี่รถจยย. มารอรับเงินจากพระครูพิพัฒน์สารกิจ ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็แสดงตัวเข้าจับกุมนายทาเนตร และจับกุมพระสุรพงศ์ ที่กำลังวิ่งหลบหนีไปทางด้านหลังวัดด้วย และทำการตรวจค้นในกุฏิพบเงินสด 5 หมื่นบาท เสื้อผ้าฆราวาส มีดสปาต้า และโทรศัพท์มือถือ ก่อนจะนำตัวไปลาสิกขา
จากการสอบสวนนายทาเนตรให้การ ว่า ได้ร่วมกับนายสุรพงศ์ กรรโชกทรัพย์จากพระครูพิพัฒน์สารกิจ จริง
โดยเงินที่ได้จะนำมาแบ่งกัน ส่วนสาเหตุเพราะตนกับพระครูพิพัฒน์สารกิจนั้นมีความสนิทสนมกันมากจึงรู้จุดอ่อนและความลับบางอย่าง จึงนำเรื่องนี้มาเป็นมูลเหตุการณ์ข่มขู่เพื่อเรียกเงิน ส่วนการแอบอ้างเป็นคนสนิทพระผู้ใหญ่นั้นไม่เป็นความจริง เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวทั้งสองคนดำเนินคดีต่อไป ขณะที่พระครูพิพัฒน์สารกิจ กล่าวกับสื่อมวลชนเพียงสั้น ๆ ว่า เรื่องที่ผู้ต้องหาทั้งสองกล่าวหาอาตมากระทำเสื่อมเสียนั้นไม่เป็นความจริง ทั้งคู่กุเรื่องขึ้นมาเพื่อจะกลั่นแกล้งเท่านั้น.