ขณะที่ชาวพม่ายังต้องทนทุกข์ทรมานและยากแค้นลำเค็ญ จากความอดอยากหิวโหยและไร้ที่อยู่อาศัย
เพราะผลพวงจากพิษพายุไซโคลน “นาร์กีส” ที่พัดถล่มพม่าเมื่อ 2 พ.ค. กลืนชีวิตผู้คนไปหลายหมื่นศพ และยังหายสาบสูญอีกนับหมื่นคน ซึ่งนับเป็นโศกนาฏกรรมครั้งร้ายแรงของแผ่นดินลุ่มน้ำอิระวดีนั้น มีรายงานว่า ชาวพม่าอาจต้องประสบกับหายนภัยอีกระลอก เมื่อมีพายุลูกใหม่ก่อตัวในมหาสมุทรอินเดียเมื่อ 14 พ.ค. และกำลังมุ่งหน้าขึ้นฝั่งพม่า โดยอาจทวีกำลังแรงเป็นพายุไซโคลนภายใน 24 ชั่วโมง
นางอะมานด้า พิตต์ โฆษกองค์กรความช่วยเหลือจากต่างชาติ สำนักงานในกรุงเทพฯ
กล่าวอ้างรายงาน ของศูนย์เตือนภัยร่วมพายุไต้ฝุ่น หรือเจดีดับเบิลยูซี หน่วยงานย่อยของศูนย์อุตุนิยมวิทยาของสหประชาชาติ ระบุว่า พายุไซโคลนลูกที่ 2 กำลังก่อตัวกลางทะเลนอกชายฝั่งทางภาคใต้ของพม่า โดยขณะรายงานข่าว (ช่วงบ่ายวันที่ 14 พ.ค.) พายุลูกดังกล่าวยังเป็นพายุโซนร้อน ก่อตัวอยู่ห่างจากชายฝั่งกรุงย่างกุ้ง ลงไปทางตะวันตกเฉียงใต้ราว 30 ไมล์ทะเล แต่ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าพายุอาจทวีกำลังแรงขึ้นเป็นไซโคลนหรือไม่และเมื่อไหร่
หากสถานการณ์เลวร้ายเช่นนั้นเกิดขึ้น จะยิ่งกระทบถึงภารกิจความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพายุไซโคลนนาร์กีส
ซึ่งคาดว่าคร่าชีวิตผู้คนและมีผู้สูญหายราว 100,000 คน ขณะที่ผู้รอดชีวิตอีกราว 2 ล้านคน ยังรอความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมอย่างมีความหวัง แม้ว่าความช่วยเหลือส่วนใหญ่ยังไม่ถึงมือชาวบ้าน ซึ่งนอกจากชาวบ้านต้องเผชิญ สภาพอากาศ ฝนตกหนักเกือบตลอดทั้งวันทั้งคืน แต่ยังพอประทังชีวิตได้ ด้วยการรองน้ำฝนดื่มและอาศัยอาหารปันส่วนที่มีอยู่เพียงน้อยนิด