จับสาวเสิร์ฟใจโหด ลวงฆ่าเด็กหญิง 8 ขวบ อำมหิตวางแผนให้จมน้ำตายทุรนต่อหน้า เพียงแค่เงิน 500 บาท เผยเป็นเพื่อนบ้านที่รู้จักกันเห็นเหยื่อมีโทรศัพท์มือถือเลยลวงไปขายได้เงินมา 500 บาท แล้วคิดฆ่าปิดปากด้วยการชวนไปเล่นน้ำในบ่อกลางหมู่บ้าน ทำทีเป็นส่งไม้ให้เด็กจับแต่กลับยันจนพ้นฝั่ง เหยื่อจมน้ำตายต่อหน้า กระทั่งถูกจับข้อหาลักทรัพย์แล้วสารภาพเป็นคนฆ่าเด็กเพื่อต้องการเงินซื้อยาบ้า
จากกรณี น.ส.วราพร ทวาแสน อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 283 หมู่บ้านฟ้ามิอาจกั้น ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางละมุง จ.ชลบุรี ว่าลูกสาวชื่อ ด.ญ.สุรีย์ศรี ทวาแสน หรือ "น้องออย" อายุ 8 ขวบ นักเรียนชั้น ป.2 ร.ร.เมืองพัทยา 3 หายออกจากบ้านตั้งแต่ตอนเที่ยงวันที่ 5 พ.ค. ออกตามหาจนทั่วแต่ไม่พบ กระทั่งชาวบ้านพบเป็นศพนอนคว่ำหน้าเสียชีวิต อยู่ในสระน้ำของโรงแป้งมันเก่า ซอยบุญนาค หมู่ 4 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง เมื่อวันที่ 6 พ.ค. ในสภาพคอหัก ตามข่าวที่รายงานไปแล้วนั้น
สยอง-สาวเสิร์ฟโหด ฆ่า8ขวบ ปิดปาก-ชิงมือถือ
ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 9 พ.ค. พ.ต.อ.สรายุทธ สงวนโภคัย ผกก.สภ.บางละมุง จ.ชลบุรี
พร้อมด้วย พ.ต.ท.สมชาย ยศสมบัติ รอง ผกก.สส., พ.ต.ต.นิตย์ วิธินันทกิตต์ สว.สส. ร่วมกันจับกุม น.ส.มัลลิกา ผาจวง หรือ "นุ้ย" อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 256 หมู่ 6 ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี อาชีพสาวเสิร์ฟร้านอาหาร ตามหมายจับศาลจังหวัดพัทยา ข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ และนำตัวมาสอบสวนขยายผลจนยอมเปิดปากรับสารภาพ เป็นคนลวงด.ญ.สุรีย์ศรี หรือ "น้องออย" ไปบ่อน้ำที่เกิดเหตุจนทำให้ "น้องออย" จมน้ำตาย
น.ส.มัลลิกา ให้การว่า
เช่าบ้านอยู่ติดกับบ้าน ของด.ญ.สุรีย์ศรี และรู้จักกันเป็นอย่างดี เมื่อช่วงเที่ยงของวันที่ 5 พ.ค. เห็นน้องออยนั่งเล่นอยู่ที่ชิงช้าสนามเด็กเล่นในหมู่บ้าน จึงไปพูดคุยด้วยและสังเกตเห็นว่าน้องออย มีโทรศัพท์มือถือยี่ห้อแอลจีอยู่ 1 เครื่อง ด้วยความอยากได้จึงออกอุบายพาไปเดินเที่ยวที่ตึกคอม ย่านพัทยาใต้ แล้วพูดจาหว่านล้อมขอโทรศัพท์เพื่อนำไปขายจนได้เงินมา 500 บาท แต่ด้วยความกลัวว่าแม่เด็กจะทราบเรื่อง จึงวางแผนพาน้องออยไปเล่นน้ำที่สระน้ำของโรงแป้งมันเก่า ซอยบุญนาค ห่างจากบ้านพักประมาณ 3 ก.ม. เพื่อฆ่าปิดปาก
เมื่อไปถึงพยายามใช้วิธีที่แนบเนียน ทำทีให้เด็กลงไปเล่นน้ำโดยยื่นไม้ยาวประมาณ 3 เมตร ให้น้องออยจับประคองตัว แต่ภายหลัง จึงใช้ไม้ดังกล่าวยันให้ร่างของน้องออยลอยออกห่างจากตลิ่ง ขณะที่น้องออยพยายามร้องขอให้ช่วยชีวิตเนื่องจากกำลังจมน้ำแต่ไม่สนใจ ยืนมองดูเหตุ การณ์จนกระทั่งเห็นเด็กที่กำลังตะเกียกตะกาย จมหายไปต่อหน้าต่อตา จึงเดินทางกลับบ้านเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
กระทั่ง น.ส.วราพร ทวาแสน แม่ของน้องออยทราบว่า
ลูกตัวเองหายไป จึงได้ร่วมกับญาติๆ ออกตามหาทั้งคืน ส่วนตนก็ทำทีเป็นห่วงใยและร่วมออกตามหาด้วย ไม่คิดว่าจะมีคนรู้เรื่อง กระทั่งตำรวจมาจับกุมในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ ซึ่งเป็นคดีเก่า และสอบเค้นจนต้องยอมเปิดปากรับสารภาพดังกล่าว ทั้งนี้สาเหตุที่ทำไปเป็นเพราะอารมณ์ชั่ววูบ ต้องการเงินไปซื้อยาบ้ามาเสพ ไม่ได้โกรธแค้นเด็กแต่อย่างใด
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวน.ส.มัลลิกา ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพในที่เกิดเหตุ
ท่ามกลางบรรดาไทยมุงและญาติของน้องออยประมาณ 300 คน ที่เดินทางมาดูการทำแผนฯ จนเจ้าหน้าที่วางกำลังตำรวจหลายสิบนายเพื่ออารักขาผู้ต้องหา เพราะเกรงจะถูกรุมประชาทัณฑ์ แต่ปรากฏว่ามีเหตุการณ์วุ่นวายเล็กน้อย เพราะญาติน้องออยบางคนไม่พอใจ ตะโกนด่าสาปแช่งและตรงเข้ามาจะทำร้ายผู้ต้องหา ตำรวจจึงต้องรีบนำตัวกลับโรงพักโดยไม่ได้ขอขมาต่อหน้าศพ พร้อมกับเชิญ น.ส.วราพร ทวาแสน กับ นายสุรศักดิ์ เชิดแสง พ่อและแม่ของน้องออย เดินทางไปที่โรงพักเพื่อให้น.ส.มัลลิกาขอขมา จากนั้นจึงแจ้งข้อกล่าวหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และปกปิดซ่อนเร้นความผิด มีโทษสูงสุดคือประหารชีวิต