นศ.เสริมดั้งฟื้นแล้ว

กรณี น.ส.ชไมภรณ์ หรือบุ๋ม แก้วเกื้อ อายุ 19 ปี บ้านเลขที่ 12 ต.ควนกรด อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช

นักศึกษามหาวิทยาลัยมหิดล คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการกีฬา อดีตนักกีฬากระโดดสูงเยาวชนทีมชาติไทย ไปเสริมจมูกกับคลินิกเสริมความงามแห่งหนึ่งย่านรัชดาภิเษก กทม. แต่หลังแพทย์ผ่าตัดเสริมจมูกให้แล้วกลับมีอาการหมดสติ ญาติต้องนำตัวส่งรักษาที่ รพ.เกษมราษฎร์ รัตนาธิเบศร์ อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี กลายเป็นเจ้าหญิงนิทราติดต่อกันมาหลายวัน ในขณะที่แพทย์เจ้าของคลินิกยังไม่แสดงท่าทีความรับผิดชอบ แต่กลับโยนความผิดให้คนไข้อ้างว่าปิดบังประวัติขณะเข้ารับการผ่าตัด เรื่องโรคประจำตัวเกี่ยวกับโรคภูมิแพ้ ไซนัส มีอาการไอเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ ล่าสุดทางแพทยสภาสั่งเล่นงานเจ้าของคลินิกดังกล่าวแล้ว


เมื่อตอนสายวันที่ 8 พ.ค. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่รพ.เกษมราษฎร์ รัตนาธิเบศร์ อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี

ซึ่ง น.ส.ชไมภรณ์นอนพักรักษาตัวอยู่ พบนายสุชีพและนางสุภัทรตรา แก้วเกื้อ พ่อและแม่ นั่งเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด โดยอาการทั่วไปของ น.ส.ชไมภรณ์พบว่าดีขึ้นตามลำดับ สามารถรับประทานอาหารได้ ต่อมาในช่วงเที่ยงนายสุชีพได้ทำเรื่องขอย้าย น.ส.ชไมภรณ์ไปรักษาต่อที่ รพ.ศิริราช โดยนายสุชีพกล่าวว่า สาเหตุที่ต้องย้ายเพราะสู้ค่ารักษาพยาบาลที่สูงไม่ไหว นับตั้งแต่ลูกสาวเข้ารักษาตัวที่ รพ. เกษมราษฎร์ตั้งแต่ระหว่างวันที่ 4-8 พ.ค. ค่ารักษาพยาบาลเป็นเงินสูงถึง 130,000 บาท ต้องกลับไปกู้เงินจากเพื่อนบ้านและญาติพี่น้องมาจ่าย หลังจากย้ายลูกสาวไปรักษาที่ รพ. ศิริราชแล้ว จะขอร้องให้แพทย์ตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียดอีกครั้ง ตนเชื่อว่าสาเหตุที่ลูกสาวต้องนอนกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรามาหลายวัน เกิดจากการเสริมจมูกแน่นอน อีกอย่างการที่ตัดสินใจนำลูกสาวไป รพ.ศิริราช เพราะลูกสาวเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยมหิดล อาจได้รับความอนุเคราะห์จาก รพ. 


นพ.ยงยศ ปลื้มจิตติกุล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้าน ประสาทและสมอง รพ.เกษมราษฎร์ รัตนาธิเบศร์ กล่าวว่า

ในวันที่คนไข้เข้ารับการรักษาตัว ตอนนั้นคนไข้มาในสภาพไม่รู้สึกตัว พูดไม่ได้ มีการเกร็งเป็นบางครั้ง สอบถามญาติที่มาด้วยทราบว่าคนไข้มีอาการปวดศีรษะ มีไข้ แพทย์เจาะเลือดก็ไม่พบอะไร ทุกอย่างเป็นปกติ ตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์สมองก็ไม่พบสิ่งผิดปกติ จึงเจาะหลังเพื่อนำเอาน้ำไขสันหลังมาตรวจ ผลการตรวจพบว่าเป็นไข้สมองอักเสบจากการติดเชื้อไวรัส ได้ให้ยาฆ่าเชื้อ คนไข้มีอาการตอบสนองดีขึ้น จากเดิมที่ค่อนข้างจะเรียกว่าไม่รู้ตัว ไม่ตอบสนอง ก็มีลืมตาเอง เริ่มยกแขนยกขาตามสั่ง แต่ยังไม่พูด ปรากฏว่าวันนี้เริ่มดีขึ้นมาก รับประทาน อาหารได้เยอะขึ้น ตอนนี้แนวโน้มค่อนข้างจะดีขึ้น เพราะโรคไข้สมองอักเสบ จะมีโรคอัมพฤกษ์อัมพาตตามมา แขนขาอ่อนแรงอาจจะเป็นเจ้าหญิงนิทราก็ได้ ไม่รู้สึกตัว เพราะเชื้อได้ทำลายสมอง แต่สำหรับคนไข้รายนี้เราสามารถตอบได้ จากที่วันแรกเราตอบไม่ได้ เพราะมีการเปลี่ยนแปลง จากการที่ได้ให้ยามาเป็นวันที่ 4 คนไข้สามารถรับประทานอาหารได้เยอะจนแพทย์พอใจ
 



นพ.ยงยศ ยังกล่าวอีกว่า โรคไข้สมองอักเสบเกิดจากเชื้อไวรัสได้หลายตัว อาจจะเกิดขึ้นมาเองโดยไม่ทราบสาเหตุโดยทางใดทางหนึ่ง

เช่นทางผิวหนัง ทางเดินหายใจ หรือจากการที่ร่างกายอ่อนแอ หรืออาจจะเข้าทางลำคอ หรือจมูก และผ่านเข้ากระแสเลือด เชื้อไวรัสสามารถที่จะทำให้เราเป็นไข้หวัดก็ได้ เป็นปอดบวมก็ได้ เพราะเชื้อไวรัสไปติดที่ปอด ส่วนสาเหตุจะเกี่ยวโยงกับการผ่าตัดเสริมจมูกหรือไม่นั้น อันนี้ก็คงตอบยาก และ พิสูจน์ยาก เพราะยังไม่มีรายงานทางการแพทย์ที่จะพิสูจน์ ได้ว่าเกิดจากสาเหตุนี้ ส่วนในกรณีที่มีการให้ยาสลบมากเกินไป จริงๆคงจะไม่เกี่ยวกัน แต่ถ้าจะเกี่ยวก็คือถ้าผู้ป่วยเข้ารับการผ่าตัดในขณะที่ร่างกายไม่พร้อมโรคก็เกิดขึ้น และอีกอย่างที่ยังสรุปไม่ได้ก็คือ การไม่ใส่ถุงมือในระหว่างการผ่าตัด อาจจะไปจับโดนจมูกแล้วติดเชื้อ เชื้ออาจเข้าสู่สมองได้ หรือเครื่องมือไม่สะอาดพอ อันนี้ก็ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้เช่นกัน
 

ทางด้านนายไชยา สะสมทรัพย์ รมว.สาธารณสุข เปิดเผยว่า

ได้สั่งการให้ นพ.ธารา ชินะกาญจน์ ผอ.กองการประกอบโรคศิลปะ ไปตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อหาสาเหตุที่ทำให้ น.ส.ชไมภรณ์ไม่รู้สึกตัว ว่ามาจากผลของการทำผ่าตัดเสริมจมูก หรือเกิดมาจากการติดเชื้อโรคอย่างอื่น โดยได้รับรายงานจาก นพ.ธารา หลังตรวจสอบข้อเท็จจริงกับแพทย์เจ้าของไข้ รพ.เกษมราษฎร์ที่ดูแล น.ส.ชไมภรณ์ว่า สาเหตุที่ไม่รู้สึกตัวเกิดจากติดเชื้อไวรัสไข้สมองอักเสบ ขณะนี้ให้ยารักษาอาการดีขึ้นเรื่อยๆ คนไข้ สามารถนั่งเอนบนเตียง หายใจได้เอง เริ่มกินข้าวได้ อย่างไรก็ตาม ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุขกำลังดำเนิน การจัดทำมาตรฐานการผ่าตัดในคลินิกต่างๆ รวมทั้งคลินิกเสริมความงาม ว่าจะต้องมีเครื่องมืออะไรบ้าง สามารถทำผ่าตัดได้มากน้อยแค่ไหน โดยได้ประชุมผู้เกี่ยวข้อง ได้แก่ ศัลยแพทย์ วิสัญญีแพทย์ แพทย์ทั่วไป สภาการพยาบาล ร่วมกันกำหนดมาตรฐาน คาดว่าจะเสร็จและประกาศใช้ทันในปีนี้ โดยในปี 2550 ทั่วประเทศมีคลินิกทุกประเภทขึ้นทะเบียนกับกองการประกอบโรคศิลปะ 17,396 แห่ง อยู่ใน กทม. 3,781 แห่ง หรือร้อยละ 22 ที่เหลืออยู่ในภูมิภาค 


นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า การทำผ่าตัดเสริมจมูกเป็นศัลยกรรมตกแต่งที่มีการทำมากที่สุดในไทยขณะนี้

อาจเนื่องจากทำง่าย ราคาไม่แพง เกือบทั้งหมดใช้การเสริมด้วยสารซิลิโคน (medical grade silicone) ผ่านทางรอยผ่าตัดขนาดเล็กที่ด้านในของจมูก แผลผ่าตัดจะมองไม่เห็น การผ่าตัดส่วนใหญ่จะใช้วิธีฉีดยาชาเฉพาะที่ มีบางรายอาจใช้ยานอนหลับโดยการฉีดร่วมด้วย หลังผ่าตัดสามารถกลับบ้านได้ทันที และแพทย์จะนัดดูแผลตัดไหมหลังผ่าตัดประมาณ 7 วัน ในกรณีฉีดยาชาเฉพาะที่หรือใช้ยานอนหลับร่วมด้วย ผู้ป่วยอาจมีการแพ้ยาถึงชีวิตได้ เพื่อป้องกันอาการแทรกซ้อนขณะผ่าตัดและหลังผ่าตัด จึงควรมีผู้ดูแลผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด และระวังลิ้นตก อุดช่องทางเดินหายใจ หากนานเกิน 7-8 นาที อาจจะเกิดภาวะสมองขาดออกซิเจน ทำให้กลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา ไม่รู้สึกตัวได้ ทั้งนี้ ผู้ที่ไม่ควรเสริมจมูก ได้แก่ ผู้ที่มีเลือดออกผิดปกติ หรือเกล็ดเลือดต่ำกว่าปกติ ผู้ที่เป็นภูมิแพ้และอยู่ในช่วงมีภาวะแพ้มาก เนื่องจากอาจทำให้แผลติดเชื้อจากการที่มีน้ำมูกไหลตลอดได้ รวมทั้งผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น กินยาสเตียรอยด์ หรือติดเชื้อเอชไอวี เพราะการเสริมจมูกเป็นการใส่สารแปลกปลอมเข้าร่างกาย อาจทำให้ติดเชื้อง่ายขึ้น
 

นพ.สัมพันธ์ คมฤทธิ์ รองเลขาธิการแพทยสภา กล่าวว่า หลังจากมีข่าวปรากฏทางสื่อมวลชน คณะกรรมการแพทยสภาได้ประชุมเร่งด่วน

และมีมติให้สอบสวนทางจริยธรรมกับแพทย์ที่ดำเนินการผ่าตัดเสริมจมูกดังกล่าว อย่างไรก็ตาม จากการวิเคราะห์อาการตามข่าวที่ปรากฏทางสื่อมวลชนและสอบถามไปยังแพทย์เจ้าของไข้ รพ. เกษมราษฎร์ รัตนาธิเบศร์ ทราบว่า ผู้ป่วยเป็นโรคติดเชื้อในสมอง ซึ่งน่าจะเกิดจากเชื้อไวรัส ต้องมีการสอบสวนหาข้อเท็จจริงกันต่อไป
 

นพ.ธีรวัฒน์ กุลทนันท์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล แถลงวันเดียวกันว่า

ผลการตรวจพบว่า น.ส.ชไมภรณ์เป็นโรคไข้สมองอักเสบจากเชื้อไวรัสเฮอร์บี้ซิมเพล็กซ์ ซึ่งเป็นเชื้อชนิดเดียวกับโรคเริม พบในอากาศและทางเดินอาหาร ทำให้สมองส่วนความจำเสียหาย ขณะนี้ผู้ป่วยรู้สึกตัวแล้วแต่ยังพูดไม่ได้ ต้องรักษาตัว 2-3 วัน จึงจะกลับบ้านได้  และยืนยันด้วยว่าที่เป็นเจ้าหญิงนิทราไม่เกี่ยวข้องกับการเสริมจมูก


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์