สลดนศ.สาว ผ่าจมูก-ไม่ฟื้น

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 7 พ.ค. โดยผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่ามีนักศึกษาสาวและเป็นนักกีฬาเยาวชนทีมชาติไทย

ไปเสริมจมูกที่คลินิกแห่งหนึ่งแล้วเกิดอาการหมดสติเข้าพักรักษาตัวอยู่ที่ห้องไอซียู รพ.เกษมราษฎร์ รัตนาธิเบศร์ อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี จึงเดินทางไปตรวจสอบ ทราบชื่อ น.ส.ชไมภรณ์ หรือบุ๋ม แก้วเกื้อ อายุ 19 ปี อยู่หมู่ 12 ต.ควนกรด อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช นอนหมดสติอยู่ บนเตียง โดยมีนางสุภัทรตรา แก้วเกื้อ อายุ 51 ปี ผู้เป็นแม่เฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด


นางสุภัทรตราเปิดเผยถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่า น.ส.ชไมภรณ์ ลูกสาว เป็นอดีตนักกีฬากระโดดสูงเยาวชนทีมชาติไทย

หลังเรียนจบชั้น ม.6 ที่โรงเรียนบ้านเกิดเมื่อปีที่ผ่านมาก็ได้เข้าเรียนต่อเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยมหิดล คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการกีฬา โดยปีนี้ก็จะอยู่ชั้นปี 2 แล้ว โดยพักอยู่ที่หอพักภายในมหาวิทยาลัย ช่วงปิดเทอมใหญ่ลูกสาวได้มาอาศัยกับเพื่อนย่านรามคำแหง เนื่องจากต้องการทำงานหารายได้พิเศษ เป็นพนักงานอยู่ที่ห้องอาหารแห่งหนึ่งย่านเกษตร-นวมินทร์  แม่นักศึกษาสาวกล่าวอีกว่า กระทั่งลูกสาวเก็บ หอมรอมริบได้เงินมาก้อนหนึ่งและได้ไปทำศัลยกรรมเสริมจมูกที่คลินิกเสริมความงามแห่งหนึ่งใน กทม. ตั้งแต่ วันที่ 29 เม.ย.ที่ผ่านมา ปรากฏว่าหลังไปทำศัลยกรรมลูกสาวกลับหมดสติไม่รู้สึกตัว สอบถามแพทย์เจ้าของคลินิกก็อ้างว่าไม่เกี่ยวกับการเสริมจมูก แต่เพื่อมนุษยธรรมยินดีช่วยค่ารักษาพยาบาล 1 หมื่นบาท ตนกับสามีคือนายสุชีพ แก้วเกื้อ อายุ 53 ปี ไม่สามารถรับได้กับเรื่องที่เกิดขึ้น จึงเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.สุทธิสาร เมื่อช่วงบ่ายวันเดียวกัน เพื่อให้ดำเนินคดีกับแพทย์เจ้าของคลินิกดังกล่าว
 

ขณะเดียวกัน น.ส.กอล์ฟ (ขอสงวนชื่อและนามสกุล) เพื่อนนักศึกษาสาวของ น.ส.ชไมภรณ์กล่าวว่า วันเกิดเหตุวันที่ 29 เม.ย. เวลาประมาณ 10.00 น.

น.ส.ชไมภรณ์ได้มาชวนตนไปเป็นเพื่อนทำศัลยกรรมเสริมจมูกที่คลินิกดังกล่าว แต่ตนมีธุระส่วนตัวไม่สามารถไปเป็นเพื่อนได้ กระทั่งเวลาประมาณ 2 ทุ่มกว่าปรากฏว่าเพื่อนก็ยังไม่กลับมาที่หอพัก ด้วยความเป็นห่วงจึงโทรศัพท์ไปสอบถามที่คลินิกได้รับคำตอบจากแพทย์เจ้าของคลินิกว่าเพื่อนยังสลบไม่ได้สติ ถ้าว่างก็ให้มารับกลับไปพักผ่อนที่หอพักด้วย แต่ตนไม่ว่าง เพราะต้องไปทำงานที่ร้านอาหาร หลังจากนั้นไม่นาน แพทย์คนดังกล่าวได้ขับรถมาหาที่ร้าน พร้อมทั้งขอให้ตนพาบุ๋มซึ่งนอนสลบไม่ได้สติกลับหอพัก เมื่อมาถึงหอพักเพื่อนชายที่อยู่หอพักเดียวกันอุ้มร่างของบุ๋มขึ้นไปนอนพักที่ห้อง โดยแพทย์ที่มาส่งบอกว่าให้นอนพักสักครู่อาการก็ดีขึ้นเอง



เพื่อนนักศึกษาเหยื่อศัลยกรรม กล่าวอีกว่า ปรากฏว่าเช้าวันที่ 30 เม.ย.บุ๋มกลับมีอาการหนักกว่าเดิมแถมพูดจาเพ้อเจ้อและมีไข้ขึ้นสูง

จึงรีบนำส่ง รพ.รามคำแหง จากนั้นแพทย์เจ้าของคลินิกก็ได้มารับตัวกลับไปที่คลินิกของตัวเองเพื่อนอนให้น้ำเกลือ ก่อนพามาส่งที่หอพัก แต่อาการก็ยังไม่ดีขึ้น ต่อมาวันที่ 2 พ.ค. พ่อแม่ของบุ๋ม เดินทางมาจาก จ.นครศรีธรรมราช มารับบุ๋มไปนอนพักฟื้นที่บ้านญาติย่านไทรน้อย จ.นนทบุรี ก่อนพาเข้ามารักษาตัวที่ รพ.เกษมราษฎร์ รัตนาธิเบศร์ เนื่องจากบุ๋มมีอาการหนักมากและไม่รู้สึกตัวเลย โดยตนก็ไม่ทราบว่าสาเหตุมาจากอะไร อย่างไรก็ตาม สำหรับบุ๋มเป็นอดีตนักกีฬากระโดดสูงเยาวชนทีมชาติไทย ล่าสุดเพิ่งเดินทางไปแข่งขันที่ประเทศมาเลเซีย และยังมีพี่ชายเป็นนักกีฬาว่ายน้ำอีกด้วย 


ต่อมาผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามอาการของ น.ส.ชไมภรณ์ นักศึกษาสาวเหยื่อศัลยกรรมเสริมความงามจากแพทย์เจ้าของไข้ แต่ไม่สามารถติดต่อได้

ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวได้เข้าสอบถามข้อเท็จจริงจากนายแพทย์เจ้าของคลินิกดังกล่าว ได้รับการชี้แจงว่า น.ส. ชไมภรณ์ได้ไปผ่าตัดเสริมจมูกจริงเมื่อเย็นวันที่ 29 เม.ย.ที่ผ่านมา ก่อนผ่าตัดได้ซักถามประวัติตรวจร่างกาย คนไข้ยืนยันว่าไม่ได้มีโรคประจำตัว จากนั้นได้ให้กินยากล่อมประสาท เนื่องจากคนไข้กลัวการผ่าตัด ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง หลังจากนั้นได้ให้นอนพักฟื้นที่คลินิกจนประมาณ 3-4 ทุ่มคนไข้ยังไม่ฟื้น มีอาการสะลึมสะลือ แต่รู้สึกตัว โดยมีเพื่อนคนไข้โทรศัพท์มาถามเป็นระยะๆ กระทั่งได้เวลาปิดคลินิกจึงได้สอบถามที่พักจากเพื่อนแล้วพาไปส่งที่ห้องพัก หลังจากวันนั้นทราบว่าญาติได้พาคนไข้ไป รพ.รามคำแหง ตนทราบข่าวได้ตามไปดูที่โรงพยาบาล และได้พากลับไปรักษาที่คลินิกโดยฉีดยาลดไข้ให้ 


นายแพทย์เจ้าของคลินิก กล่าวต่อว่า ต่อมาญาติได้พาคนไข้ไปส่ง รพ.เกษมราษฎร์ รัตนาธิเบศร์ ซึ่งตนก็ตามไปดูแลอย่างใกล้ชิดตัดไหมที่จมูกให้

ไม่พบอาการบวมอักเสบก็สงสัยว่าทำไมคนไข้ไม่ฟื้น มีอาการสะลึมสะลือ แต่รู้สึกตัว จึงขอดูระเบียนประวัติคนไข้ทราบว่ามีโรคประจำตัวเป็นภูมิแพ้ ไซนัส มีอาการไอ เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ ซึ่งทางคนไข้ปกปิดประวัติเรื่องโรคประจำตัวในวันผ่าตัดเสริมซิลิโคลน เมื่อคุยกับแพทย์ที่ รพ.เกษมราษฎร์ทราบว่าติดเชื้อทำให้เยื่อหุ้มสมองอักเสบ ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการผ่าตัดเสริมจมูกกับตน หากเกิดจากตนยินดีรับผิดชอบเต็มที่ ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไมญาติคนไข้มาเอาเรื่องกับตน ทั้งๆที่ช่วยเหลือตามจรรยาบรรณของแพทย์เป็นอย่างดี และเรื่องที่เกิดขึ้นคิดว่าน่าจะเกิดจากโรคประจำตัวมากกว่า


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์