ความคืบหน้ากรณีพระวิชัย ฐิตสีโล หรือพระวิชัย รามณี คลุ้มคลั่งใช้มีดคว้านท้องตัวเองจนไส้ทะลักแล้วยังอาละวาดไล่แทงผู้คนบริเวณสามแยกบางขุนนนท์ เมื่อตอนสายวันที่ 4 พ.ค. ที่ผ่านมา
ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย คือ นายสุนทร หอมพวงภู่ และนายสมาน อินนุ ก่อนที่ตำรวจ สน.บางขุนนนท์ และหน่วยกู้ภัยจะช่วยกันจับพระวิชัยส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลศิริราช ต่อมาเมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 5 พ.ค. พ.ต.อ.ศราวุธ จิตต์ระเบียบ ผกก.สน.บางขุนนนท์ ร.ต.อ.พรชัย ศรีมูล พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี ได้นิมนต์พระครูนิวิฐสาธุวัตร เจ้าคณะแขวงบางขุนนนท์ เจ้าอาวาสวัดเจ้าอามเดินทางไปสึกพระวิชัยให้พ้นจากการเป็นสงฆ์พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาฆ่าผู้อื่น และพกพาอาวุธมีดไปในที่สาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร ที่ห้องพักผู้ป่วยชาย ตึกอุบัติเหตุชั้น 3 โรงพยาบาลศิริราช
ด้าน ร.ต.อ.พรชัยเปิดเผยว่า นอกจากแจ้งข้อหาอดีตพระวิชัยแล้ว
ยังได้สอบปากคำพยาน ทุกคนยืนยันตรงกันว่านายวิชัยเป็นผู้ก่อเหตุจริง สอบปากคำผู้ต้องหาก็ให้การรับสารภาพอ้างว่าขณะก่อเหตุมึนยา ซึ่งจะประสานไปทางแพทย์ให้ตรวจหาสารเสพติดตามที่ผู้ต้องหากล่าวอ้าง โดยในขณะนี้ยังไม่ทราบว่าเป็นยาชนิดใด หลังจากนี้ จะนำผู้ต้องหาไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อสะดวกในการควบคุมตัวต่อไป
ส่วนกรณีที่มีข่าวว่าอดีตพระวิชัยเดินทางมาบำบัดยาเสพติดที่วัดภาวนาภิรตาราม ถนนบางขุนนนท์ และพำนักอยู่ที่วัดดังกล่าว พระครูสุตวัฒนกิจ เจ้าอาวาสวัดภาวนาฯเปิดเผยว่าจากการตรวจสอบรายชื่อไม่พบว่าพระวิชัยเคยเข้ามารับการบำบัดแต่อย่างใด
เย็นวันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวไปสังเกตการณ์ที่ศาลา 7 วัดเจ้าอาม บางขุนนนท์ สถานที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพนายสมาน อินนุ ผู้เคราะห์ร้ายที่ถูกอดีตพระวิชัยจ้วงแทงเข้าที่บริเวณลำคอจนหลอดลมขาด
พบว่ามีญาติมิตรไปร่วมงานราว 20 คน นางคำไพ พงษ์นีย์ อายุ 34 ปี ภรรยานายสมานกล่าวกับผู้สื่อข่าวด้วยอาการโศกเศร้าว่า อยู่กินกับนายสมานมาประมาณ 15 ปี ลูกด้วยกัน 2 คน เป็นชายทั้งคู่ คนโตอายุ 10 ขวบ คนเล็กอายุ 5 ขวบ ช่วงนี้แยกกันอยู่ ตนขายอาหารอีสานเลี้ยงลูกๆอยู่ที่ จ.อุบลราชธานี ส่วนนายสมานทำงานอยู่บริษัทพีทีเทรดดิ้ง จำหน่ายเครื่องหนัง และพักอยู่กับเจ้านายที่เป็นนายตำรวจใหญ่ ที่ บ้านย่านเสาชิงช้า ก่อนเกิดเหตุขี่รถจักรยานยนต์มาทำงานที่โรงงานในซอยบางขุนนนท์ตามปกติ แต่กลับโชคร้ายถูกทำร้ายเสียชีวิต ตอนนี้พูดอะไรไม่ออก เครียดมาก คิดว่าจะสวดศพ 3 คืนแล้วเผา
ส่วนศพนายสุนทร หอมพวงภู่ ถูกนำไปตั้งสวด บำเพ็ญกุศลที่วัดเพลินเพชร หมู่ 3 ต.กระทุ่มล้ม อ.สามพราน จ.นครปฐม
มีญาติมิตรของผู้เสียชีวิตไปร่วมงานเพียงไม่กี่คน บรรยากาศเป็นไปด้วยความเศร้าสลด บนศาลาวัดมีแต่โลงศพและกระถางธูป ไม่มีดอกไม้มาตกแต่ง รูปของผู้ตายที่ตั้งไว้ข้างโลงยังใช้กระดาษซีร็อกซ์ ขยายภาพจากบัตรประชาชน ยิ่งทำให้บรรยากาศสลดหดหู่ นายสมพร หอมพวงภู่ น้องชายของผู้ตาย เผยว่านายสุนทรเป็นพี่ชายคนโต เคยทำงานเป็น รปภ.อยู่ที่บริษัทแห่งหนึ่ง แต่บริษัทเลิกไปแล้ว ตอนนี้เลยไม่มีงานทำ ส่วนตนขายอาหารรถเข็น น้องชายอีกคนก็เป็นลูกจ้างอยู่โรงงานไทยรุ่ง ย่านหนองแขม ต้องดูแลแม่ที่อายุมากและพ่อป่วยเป็นอัมพฤกษ์ พี่ชายตายจึงไม่มีเงินทำศพ แต่ทางบ้านรู้จักกับหลวงปู่ที่วัดเพลินเพชร หลวงปู่ช่วยเป็นเจ้าภาพสวดศพให้ 2 คืน แล้วเผาเย็นวันพุธที่ 7 พ.ค. ตอนนี้งงไปหมด ไม่รู้จะทำอย่างไร พี่ชาย ตายทั้งคนกลับไม่มีใครช่วยเหลืออะไรเลย พี่ชายถูกแทงตายโดยไม่รู้อีโหน่อีเหน่ แต่ไม่มีหน่วยงานไหนยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเลย
นางสุวณา สุวรรณจูฑะ อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า
ได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่สำนักงานช่วยงานทางการเงินแก่ผู้เสียหายในคดีอาญา เข้าพบครอบครัวของผู้ตายทั้ง 2 ในเช้าวันที่ 6 พ.ค.นี้ เพื่อให้ความช่วยเหลือพร้อมแจ้งสิทธิให้ทายาททราบ หากทายาทผู้เสียหายมีความประสงค์ขอความช่วยเหลือพร้อมยื่นเอกสารครบจะได้รับเงินช่วยเหลือทั้งหมดไม่เกิน 1 แสนบาท ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของคณะกรรมการพิจารณาภายใน 108 วัน มีข้อสงสัยปรึกษาได้ที่โทร. 0-2502-8086