ป่วนใต้ เผาโชว์รูมนิสสันปัตตานี วางระเบิดงานกาชาดนรา

เมื่อเวลา 18.30 น. วันที่ 4 พ.ค. พ.ต.อ.จักรภพ ท้าวฤทธิ์ ผกก.สภ. ยะหริ่ง จ.ปัตตานี รับแจ้งมีเหตุยิงกันบนถนนสาย 42 ปัตตานี-นราธิวาส หมู่ 5 บ้านจะบังบาตู ต.ตันหยงดาลอ อ.ยะหริ่ง จึงนำกำลังไปตรวจสอบพบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าล้มข้างทาง ใกล้กันพบกองเลือด ส่วนคนเจ็บมี 2 ราย พลเมืองดีประสบเหตุช่วยเหลือนำส่ง รพ.ยะหริ่ง ไปก่อน ทราบชื่อนายนภดล พรหมนุกูล อายุ 29 ปี

อยู่บ้านเลขที่ 14/1 หมู่ 2 ต.หนองแรต และนางสุริยา ชุมจินทอง อายุ 22 ปี ภรรยานายนภดล ทั้งสองถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาดเข้าลำตัวอาการสาหัส สอบสวนทราบว่าก่อนเกิดเหตุ นายนภดลขี่รถจักรยานยนต์พานางสุริยาภรรยานั่งซ้อนท้ายเดินทางกลับจากธุระ มาถึงที่เกิดเหตุมีคนร้าย 2 คนแต่งกายชุดดาวะขี่รถจักรยานยนต์ไล่ตามประกบใช้ปืนกระหน่ำยิงล้มกลิ้งแล้วบึ่งรถหลบหนีไป สันนิษฐานเป็นกลุ่มแนวร่วมโจรป่วนใต้ก่อเหตุสร้างสถานการณ์ป่วนเมือง 


อีกรายเมื่อเวลา 19.00 น. วันเดียวกัน พ.ต.ท. นรัตน์ เทพเฉลิม รอง ผกก.สส.สภ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี
 
นำกำลังไปสอบสวนเหตุยิงกันบนถนนหมู่ 3 บ้านเขาดิน ต.ปากู อ.ทุ่งยางแดง พบรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ หมายเลขทะเบียน บฉ 7360 ปัตตานี เสียหลักตกข้างทาง บริเวณกระจกหน้าตรงคนขับมีรอยถูกยิงด้วยกระสุนปืนทะลุรวม 4 รู ภายในรถพบกองเลือด ส่วนคนเจ็บถูกนำส่ง รพ.ทุ่งยางแดง ทราบชื่อนายอายุ รือสะ อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 29 หมู่ 8 ต.ปล่องหอย อ.กะพ้อ จ.ปัตตานี ถูกยิงด้วยอาวุธปืนอาก้าเข้าบริเวณลำตัว 2 นัด อาการสาหัส ในที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืนอาก้าตกกระจายเกลื่อนจำนวน 12 ปลอก สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุนายอายุขับรถกระบะเดินทางกลับจาก จ.ยะลา มีนายอับดุลเลาะ หะเจ๊ะ อาย 20 ปี หลานชายนั่งรถมาด้วยกัน ถึงที่เกิดเหตุมีคนร้ายใช้รถกระบะไม่ทราบยี่ห้อและหมายเลขทะเบียนขับแซงประกบ แล้วคนร้ายในรถใช้ปืนอาก้ากราดยิงใส่ นายอายุถูกกระสุนเข้าลำตัวบาดเจ็บจนรถเสียหลักพุ่งลงข้างทาง ส่วนนายอับดุลเลาะหลานชายปลอดภัย เชื่อเป็นฝีมือกลุ่มแนวร่วมก่อเหตุสร้างสถานการณ์ 


ต่อมาเวลา 22.30 น. พ.ต.ท.วีรชาติ คูหามุข รอง ผกก.สส.สภ.หนองจิก จ.ปัตตานี

รับแจ้งมีเหตุเพลิงไหม้ บริษัทสยามนิสสัน ปัตตานี (2000) จำกัด เลขที่ 159/1 หมู่ 1 ถนนเพชรเกษม ต.ดอนรัก อ.หนองจิก จึงนำกำลังและรถดับเพลิงไปสกัดพบว่าเพลิงลุกลามไหม้รถยนต์ที่จอดภายในโชว์รูมอย่างรุนแรง เจ้าหน้าที่ต้องทุบกระจกโชว์รูมเข้าไปฉีดน้ำใช้เวลาประมาณ 30 นาที คุมเพลิงไว้ได้ ตรวจสอบพบรถกระบะนิสสัน 4 คัน ที่จอดภายในโชว์รูมรวมทั้งเครื่องใช้ในสำนักงานถูกไฟเผาวอดวาย เบื้องต้นสันนิษฐานคนร้ายทุบกระจกบุกเข้าใช้น้ำมันราดจุดไฟเผาวางเพลิง ส่วนความเสียหายอยู่ระหว่างตรวจสอบ


ขณะเดียวกัน ที่ ต.บ่อทอง อ.หนองจิก คนร้ายใช้อาวุธปืนยิงหม้อแปลงไฟฟ้าระเบิดและเกิดไฟไหม้ ทำให้ไฟฟ้าดับทั้งหมู่บ้าน ส่วนที่ อ.เมืองปัตตานี คนร้ายได้ยิงหม้อแปลงไฟฟ้าระเบิดเสียหายหลายจุด ในพื้นที่ต.ตะลุโบะ และ ต.ตันหยงลุโละ นอกจากนี้ วางวัตถุต้องสงสัยในเขตเทศบาลเมืองปัตตานีอีก 2 จุด เจ้าหน้าที่ไปเก็บกู้พบเป็นระเบิดปลอม และมีรายงานว่าเจ้าหน้าที่คุมตัวผู้ต้องสงสัยไว้ได้ 1 ราย


ด้าน จ.นราธิวาส เมื่อเวลา 22.00 น.
 
พ.ต.อ.บรรลือ ชูเวทย์ ผกก.สภ.เมืองนราธิวาส รับแจ้งมีเหตุระเบิดใน งานกาชาดและงานประจำปีจัดขึ้นบริเวณรอบสวนกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เขตเทศบาลเมืองนราธิวาส ที่บริเวณริมรั้วหน้าบ้านพักของนายธนน เวชกรกานนท์ รอง ผวจ.นราธิวาส มีประชาชนได้รับบาดเจ็บหลายราย จึงประสานชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด “เหยี่ยวดง” นปพ.ภ.จ.นราธิวาส เจ้าหน้าที่กองวิทยาการไปตรวจสอบพบชิ้นส่วนระเบิดแสวงเครื่องกระจายเกลื่อน ส่วนผู้บาดเจ็บทราบว่ามี 12 ราย ถูกนำส่ง รพ.นราธิวาสราชนครินทร์

สำหรับรายชื่อผู้บาดเจ็บคือ

1. ด.ญ.รอฮานา ดอเลาะ อายุ 13 ปี 2.นางรอฮาณี กาเดร์ อายุ 34 ปี 3.นายอาสมิง หะยียูโซ๊ะ 4.นายมูฮาหมัด เจ๊ะฮะ อายุ 35 ปี 5.นายซาอูดี จาเด๊ะ อายุ 23 ปี 6.นายต่วนเซ๊ะ กูจิ อายุ 16 ปี 7.นายอาซู อูมา อายุ 17 ปี 8. ด.ญ.ฟารีดา เจ๊ะสะนิ อายุ 14 ปี 9. นางนาปีสะ อารี 10. น.ส.ฟิตรี มะ อายุ 24 ปี 11.นางปาติเมาะ พู่นาวิน อายุ 38 ปี และ 12. ด.ญ.นูรีซันวาดี มามะ อายุ 11 ขวบ

นอกจากนี้มีรายงานว่า
 
ที่ อ.ตากใบ คนร้ายลอบวางเพลิงเผาศาลาที่พักริมทางถนนสายนราธิวาส-ตากใบ ได้รับความเสียหาย 6 หลัง ที่ อ.ระแงะ คนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามยิงถล่มฐานตำรวจและทหารชุดสันติพัฒนา บ้านปูโง๊ะ หมู่ 1 ต.กาลิซา ยิงถล่มสถานียุทธศาสตร์บูเก๊ะสมี ต.ตันหยงมัส สถานียุทธศาสตร์มะรือโตก ต.มะรือโบตก และเผาบ้านร้างเสียหาย 1 หลัง ส่วนที่ อ.รือเสาะ คนร้ายลอบวางเพลิงโรงเรียนรือเสาะชนูปถัมภ์ได้รับความเสียหาย และเผายางรถยนต์ โปรยตะปูเรือใบ ที่ อ.บาเจาะ คนร้ายลอบเผายางรถยนต์บนถนน 2 จุด ล่าสุด พล.ต.ต.พงษ์ศักดิ์ นาควิจิตร ผบก.ภ.จ.นราธิวาส ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ทั้ง 13 อำเภอ รวม 19 สถานี เพิ่มความเข้มในการปฏิบัติหน้าที่ และลาดตระเวนดูแลความปลอดภัยสถานที่ราชการ รวมทั้งวัดวาอาราม และมัสยิด เน้นการตั้งจุดตรวจจุดสกัด เพื่อสกัดกั้นไม่ให้กลุ่มคนร้ายก่อเหตุร้ายซ้ำซ้อนขึ้นอีก


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์