วิศวกรบ้าเลือด ยิงดับ4ศพ อริเก่าร่วมซอย

เมื่อเวลา 14.45 น. วันที่ 29 เม.ย. พ.ต.ต.ไตรมิตร วงศ์พรประดิษฐ์ สารวัตรเวร สภ.สำโรงใต้ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ รับแจ้งมีเหตุคนถูกยิงเสียชีวิตและบาดเจ็บหลายรายบริเวณหน้าบ้านเลขที่ 219/14 ภายในซอยกุศลส่งสามัคคี หมู่ 4 ต.สำโรงใต้ จึงรายงาน ผู้บังคับบัญชาทราบ จากนั้น รุดไปที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พล.ต.ต.วิทยา ประยงค์พันธ์ ผบก.ภ.จ.สมุทรปราการ พ.ต.อ.ภวัต พรมมะกฤต รอง ผบก. พ.ต.อ.นริศวร์ ละม้ายอินทร์ ผกก.พ.ต.ท.ณรงค์ชัย ฉายแสง รอง ผกก.(ป.) พ.ต.ท.สง่า ธีรศรัณยานนท์ รอง ผกก.(สส.) พ.ต.ต.ภาสกร มังกรแก้ว สว.สส. แพทย์เวร รพ.บางจาก และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู


ที่เกิดเหตุเป็นบ้านชั้นเดียวเปิดเป็นสำนักงานชื่อ หจก.ไพลีเซสเทคโนโลยี รับเหมาเดินสายไฟตามอาคาร ตรงพื้นถนนห่างจากหน้าบ้านไปเล็กน้อย พบร่างผู้เสียชีวิต 2 ราย ทราบชื่อ นายตรีธเนศ สุริยันจันทร์พงษ์ อายุ 24 ปี บ้านเลขที่ 34 หมู่ 5 ต.สำโรงใต้ อ.พระประแดง และนายรุ่งโรจน์ ศรุกำพันธ์ อายุ 21 ปี บ้านเลขที่ 28 ซอยลาซาล 50 แขวงบางนา เขตบางนา กทม. ทั้งคู่มีบาดแผลถูกยิงด้วยกระสุนปืนขนาด 9 มม. เข้าบริเวณศีรษะและกลางแผ่นหลังหลายแห่ง ส่วนบริเวณพื้นตรงประตูหน้าบ้านพบกองเลือดหลายกองและร่องรอยของการต่อสู้ โดยมีจอบและปลอกกระสุนกระจายอยู่เกลื่อนพื้นถนนรวม 13 ปลอก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน โดยทราบว่ามีผู้บาดเจ็บพลเมืองดีนำส่ง รพ.สำโรง ก่อนหน้าแล้ว 3 ราย เสียชีวิตในเวลาต่อมา 2 ราย คือนางสำเนา จันทรัตน์ อายุ 62 ปี และนางจิราภา จันทรัตน์ อายุ 56 ปี ทั้งคู่ถูกยิงด้วยกระสุนปืนขนาดเดียวกันเข้าบริเวณร่างกายหลายแห่ง และมีผู้บาดเจ็บสาหัสอีก 1 ราย คือนางพัชราวรรณ จันทรัตน์ อายุ 52 ปี ถูกยิงเข้าบริเวณร่างกายหลายแห่งเช่นกัน อาการเป็นตายเท่ากัน รวมมีผู้เสียชีวิต 4 ราย สาหัสอีก 1 ราย


สอบปากคำนางสมบัติ จันทรัตน์ อายุ 48 ปี น้องสาวของผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บให้การว่า

ผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บที่เป็นหญิงทั้งหมดเป็นพี่น้องกัน พักอยู่รวมกันที่บ้านเลขที่ 219/41 ถัดจากหน้าบ้านเกิดเหตุไปราว 10 เมตร เนื่องจากเป็นครอบครัวใหญ่ โดยเมื่อคืนที่ผ่านมาพี่น้องในครอบครัวได้ชักชวนเพื่อนฝูงมาตั้งวงดื่มกิน มีนายตรีธเนศและนายรุ่งโรจน์รวมอยู่ด้วย หลังอิ่มหนำ สำราญทุกคนได้แยกย้ายกันกลับ เหลือแต่นายตรีธเนศกับนายรุ่งโรจน์นอนค้างคืนที่บ้าน จนกระทั่งก่อนเกิดเหตุนางสำเนาพี่สาวคนโตพร้อมนางจิราภาและนางพัชราวรรณเดินออกไปส่งนายตรีธเนศกับนายรุ่งโรจน์ขึ้นแท็กซี่ที่ปากซอย แต่ระหว่างผ่านหน้าบ้านเกิดเหตุซึ่งเป็นบ้านของนายอภิเชษฐ์ นวลสำลี อายุ 35 ปี อาชีพวิศวกรไฟฟ้า ที่เคยมีเรื่องฟ้องร้องกันมาก่อนในคดีทำร้ายร่างกายเมื่อปี 2548 และเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตลอด ปรากฏว่านางสำเนาและพวกเกิดเขม่นกับนายอภิเชษฐ์ มีปากเสียงทะเลาะกันรุนแรง
 

นางสมบัติยังให้การอีกว่า

เมื่อได้ยินเสียงจึงวิ่งออกไปดูพบนายอภิเชษฐ์กำลังคว้าจอบออกมาไล่ฟันนางสำเนากับพวกจนเกิดการต่อสู้กันขึ้น แต่นายอภิเชษฐ์สู้ไม่ได้ทิ้งจอบวิ่งกลับเข้าไปในบ้าน ก่อนจะย้อนกลับออกมาพร้อมปืนพกในมือ จากนั้น กระหน่ำยิงใส่นางสำเนาและพวกชนิดหูดับตับไหม้ล้มลงกับพื้นราวใบไม้ร่วง ระหว่างนั้นนายตรีธเนศกับนายรุ่งโรจน์ยังไม่เสียชีวิตในทันที พยายามพาร่างอาบเลือดกระเสือกกระสนหนีตายไปล้มลงหน้าร้านชำห่างจากหน้าบ้านเกิดเหตุเล็กน้อย นายอภิเชษฐ์ไล่ตามไปทันกระหน่ำยิงคนทั้งคู่เสียชีวิต ก่อนจะชิงเอารถจักรยานยนต์ของชาวบ้านที่จอดอยู่ริมถนนขี่หลบหนีไป หลังหายตกตะลึง จึงขอความช่วยเหลือเพื่อนบ้านนำร่างของพี่สาวทั้ง 3 คน ส่ง รพ. แต่เนื่องจากนางสำเนากับนางจิราภากระสุนถูกจุดสำคัญของร่างกายเสียชีวิต ส่วนนางพัชราวรรณอาการโคม่า แพทย์ต้องนำเข้าห้องไอซียูช่วยชีวิตเป็นการด่วน


ต่อมา วันเดียวกัน พ.ต.ท.ประสงค์ จันทรัตน์ รอง ผกก.กลุ่มงานสืบสวน ภ.จ.สุพรรณบุรี ญาติของผู้เสียชีวิต เดินทางไปที่เกิดเหตุพร้อมกับเปิดเผยว่า
 
ผู้เสียชีวิตที่เป็น หญิงมีศักดิ์เป็นน้าสาว หลังได้รับแจ้งทางโทรศัพท์จากญาติ จึงรีบเดินทางมาที่บ้าน ไม่คิดว่าจะต้องทำกันถึงขนาดนี้ สำหรับนายอภิเชษฐ์ มือปืนนั้น เคยมีคดีความฟ้องร้องกับที่บ้านในข้อหาทำร้ายร่างกาย โดยน้าสาวเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายอภิเชษฐ์ คดีจบลงไปแล้ว แต่ก็ยังได้รับทราบว่า ทุกครั้งที่คนในบ้านเดินผ่านหน้าบ้านนายอภิเชษฐ์ จะมีปาก เสียงทะเลาะกันบ่อยครั้ง ไม่คิดว่าวันนี้จะร้ายแรงขนาดนี้


ทางด้าน พล.ต.ต.วิทยา ประยงค์พันธ์ ผบก.ภ.จ. สมุทรปราการ กล่าวว่า

คนร้ายที่ก่อเหตุคือ นายอภิเชษฐ์ ส่วนสาเหตุนั้น มาจากความไม่พอใจส่วนตัวกับบ้านของกลุ่มผู้ตาย เพราะเคยมีคดีฟ้องร้องในเรื่องทำร้ายร่างกายกันมาก่อนหน้า ก่อนเกิดเหตุกลุ่มผู้ตายเดินผ่านหน้าบ้าน ผู้ก่อเหตุแล้วมีปากเสียงทะเลาะวิวาทกัน จนผู้ก่อเหตุได้ คว้าอาวุธปืนไล่ยิง กลุ่มผู้ตายเสียชีวิต 4 ศพ บาดเจ็บสาหัส 1 คน ก่อนจะชิงเอารถจักรยานยนต์ขี่หลบหนี ทั้งนี้ ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนเร่งสรุปสำนวนเพื่อขออนุมัติศาลออกหมายจับกุม เนื่องจากผู้ก่อเหตุมีการกระทำที่ถือว่าโหดเหี้ยม นอกจากนี้ยังมีอาวุธติดตัว ได้กำชับเจ้าหน้าที่ ชุดจับกุมให้อยู่ในความระมัดระวังขณะปฏิบัติหน้าที่ เกรงว่าอาจจะเกิดการต่อสู้ขัดขืน เนื่องจากผู้ก่อเหตุมีอาวุธ คาดว่าคงจะได้ตัวในเร็ววันนี้


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์