พิษรักแรงหึง"นักเรียนนายเรืออากาศ"พ่ายรักฆ่าปาดคอแฟนสาว
โดย ทีมข่าวอาชญากรรม ผู้จัดการออนไลน์ 26 พฤษภาคม 2549 13:17 น.
นักเรียนนายเรืออากาศชั้นปีสุดท้าย ก่อคดีฆาตกรรมโหด แทงและปาดคอแฟนสาวตายเปลือยคาห้องในคอนโดฯ และพยายามจะหลบหนีความผิดด้วยการปาดคอ ปาดข้อมือตัวเองตายตาม แต่ทนทุกขเวทนาจากบาดแผลไม่ไหว โทรศัพท์แจ้ง 191 ให้มารับตัวไปส่งโรงพยาบาล แพทย์ช่วยชีวิตไว้พ้นขีดอันตรายแล้ว หมดอนาคตดาวประดับบ่า ตำรวจสั่งอายัดตัวทันที ขณะที่ผกก.สน.บางเขน ขวางการทำงานของสื่อสุดลิ่ม
วันนี้ (26 พ.ค.) เมื่อเวลา 07.30 น. ร.ต.อ.ธนพัฒน์ สุขมี ร้อยเวรสน.บางเขน รับแจงเหตุมีหญิงสาวถูกปาดคอเสียชีวิต ภายในอาคารรมณียา คอนโดทาวน์ เลขที่ 106/144 ซอยพหลโยธิน 52 แขวงคลองถนน เขตสายไหม กทม. จึงรีบรายงานเหตุให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้น จากนั้นรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วยพ.ต.อ.วิชัย สังข์ประไพ รองผบก.น.2 ตำรวจฝ่ายสืบสวน แพทย์นิติเวช เจ้าหน้ากองพิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุเป็นอาคารที่พักอาศัยสูง 9 ชั้น ภายในห้องเลขที่ 719 ชั้น 7 พบศพน.ส.พัทรศยา เงินพันธุ์ อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 42/188 ถนนนิมิตรใหม่ แขวงทรายกองดิน เขตคลองสามวา กทม. เป็นพนักงานประชาสัมพันธ์ร้านอาหารไม้เอก ย่านถนนเลียบทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ ในสภาพศพนอนหงายเปลือยกายจมกองเลือดบนเตียง ตรวจสอบตามร่างกาย พบบาดแผลถูกแทงที่คอด้านซ้าย 2 แผล ถูกปาดที่บริเวณท้ายทอยอีก 2 แผล คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 10 ชั่วโมง นอกจากนี้ ยังทราบว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 1 ราย ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลภูมิพลไปก่อนหน้านี้แล้ว ทราบต่อมาชื่อนักเรียนนายเรืออากาศ(นนอ.)มติ เลี้ยงสกุล อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 171/1 หมู่ 2 แขวงคลองถนน เขตสายไหม กทม. นักเรียนนายเรืออากาศชั้นปีที่ 5 ได้รับบาดเจ็บมีบาดแผลถูกปาดที่ลำคอ 2 แผล ข้อมือขวา 1 แผล ข้อมือซ้ายอีก 1 แผล ขณะนี้แพทย์ช่วยเหลือจนอาการปลอดภัยแล้ว
จากการตรวจสอบในห้องที่เกิดเหตุ พบข้าวข้องในห้องกระจัดกระจาย มีรอยเท้าเปื้อนเลือดทั่วบริเวณห้อง และภายในห้องน้ำ พบคราบเลือดในโถส้วม และตามฝาผนัง รวมทั้งมีดปลอกผลไม้ยาวประมาณ 6 นิ้วตกอยู่ 1 เล่ม จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
ต่อมามีนางรัตนาภรณ์ ชาติรังสรรค์ อายุ 39 ปี มารดาผู้ตาย พร้อมญาติเดินทางมายังที่เกิดเหตุ ทันที่ที่เห็นศพบุตรสาวนางรัตนาภรณ์ ร่ำไห้ปริ่มจะขาดใจ จากนั้นเปิดเผยว่า บุตรสาว มาพักอาศัยที่ห้องเกิดเหตุได้ประมาณ 4 เดือน และทราบว่า ได้คบหากับนนอ.มติมาประมาณ 3-4 เดือนแล้ว แต่ระยะหลัง ทราบว่าทั้งคู่เริ่มมีปัญหาทะเลาะกันบ่อยครั้ง จนบุตรสาวขอเลิกรา แต่ฝ่ายชายไม่ยอม กระทั่งวานนี้(25 พ.ค.) เวลาประมาณ 10.00 น. บุตรสาาวโทรศัพท์มาปรึกษา โดยเล่าให้ฟังว่า ฝ่ายชายไม่ยอมไปโรงเรียน เมื่อสอบถามไปว่า ฝ่ายชายทำร้ายร่างกายหรือไม่ บุตรสาวตอบว่า ไม่มีเรื่องทะเลาะกัน จึงได้บอกให้บุตรสาวใจเย็นๆและค่อยๆพูดจากัน อีกทั้งยังบอกให้ไปบอกฝ่ายชายให้ไปโรงเรียน เนื่องจากใกล้จะจบแล้ว จากนั้นได้วางสายไป กระทั่งมาทราบข่าวเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา
ด้านน.ส.ปัทมา ทามนต์ อายุ 23 ปี เพื่อนร่วมงานผู้ตายกล่าวว่า เมื่อคืนหลังเลิกงานที่ร้านประมาณ ตี 2 ได้ชวนเพื่อนๆอีก 3 คน เดินทางไปหาผู้ตายที่ห้อง เนื่องจากรู้ว่า ผู้ตายกับฝ่ายชายมีเรื่องทะเลาะกันอยู่ เพราะผู้ตายเคยเล่าให้ฟังว่า เคยทะเลาะกัน ด้วยความเป็นห่วง หลังเลิกงานจึงไปหา และเมื่อไปถึงที่ห้องได้เคาะประตู แต่ไม่มีการตอบรับ จึงลองก้มไปมองทางช่องประตูด้านล่าง ก็ไม่เห็นอะไร แต่ได้ยืนเสียง เหมือนมีคนกำลังตบตี จึงรีบลุกขึ้นมาเคาะประตูให้เปิดอีกคร้ง แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับเช่นเดิม ด้วยความเป็นห่วงเพื่อน จึงรีบลงไปบอกรปภ.ขอกุญแจสำรองมาไขห้อง แต่รปภ.ไม่ยอมให้ จึงไม่รู้จะทำอย่างไรต่อ ในที่สุด จึงเดินทางกลับ กระทั่งเช้าจึงมาทราบข่าวดังกล่าว
ด้านพ.ต.อ.วิชัย กล่าวว่า จากการสอบสวนทราบว่า เมื่อช่วงช้าที่ผ่านมา นนอ.มติ โทรศัพท์ไปแจ้งยัง 191 โดยระบุว่า ตัวนนอ.มติเองพยายามที่จะฆ่าตัวตายหลายครั้ง ทั้งใช้มีดกรีดข้อมือทั้ง 2 ข้าง ใช้มีดปาดคอตัวเอง อีกทั้งพยายามผูกคอตาย แต่ยังไม่เสียชีวิต ขณะนี้เจ็บแผลและเสียเลือดมาก ขอให้ตำรวจส่งรถพยาบาลมารับยังห้องที่เกิดเหตุด้วย และเมื่อตำรวจไปถึงก็พบนนอ.มติ นอนดิ้นทุรนทุรายกอดศพฝ่ายหญิงอยู่บนเตียง จึงรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลทันที ส่วนสาเหตุ น่าจะมาจากเรื่องความหึงหวงที่ฝ่ายหญิงพยายามขอเลิกและตีตัวออกห่าง แต่ฝ่ายชายมาง้อขอคืนดีถึงห้อง ทว่าไม่สามารถตกลงปัญหากันได้ จึงใช้มีดปาดคอฝ่ายหญิงจนเสียชีวิตและพยายามจะฆ่าตัวตายตาม แต่ไม่สำเร็จ ซึ่งเบื้องต้นจะอายัดตัวนนอ.มติไว้สอบปากคำ ก่อนที่จะดำเนินการแจ้งข้อหาต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า หลังจากทราบเหตุฆาตกรรมที่เกิดขึ้น กลุ่มผู้สื่อข่าวได้พากันเดินทางไปยังที่เกิดเหตุ ทว่า พ.ต.อ.สราพงษ์ พูลสมบัติ ผกก.สน.บางเขน พยายามทุกวิถีทางเพื่อขัดขวางการทำงานของสื่อมวลชนโดยตลอด ด้วยการไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพ หรือบันทึกภาพ เก็บรายละเอียดในที่เกิดเหตุ และเมื่อมีผู้สื่อข่าวที่ถ่ายภาพได้ไปแล้ว พ.ต.อ.สราพงษ์ ได้ตามไปบังคับให้ลบภาพทิ้ง อีกทั้งไม่อนุญาตให้มูลนิธิร่วมกตัญญูบันทึกภาพในที่เกิดเหตุด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ ยังได้สั่งห้ามไม่ให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู เปิดท้ายรถให้ถ่ายภาพหลังจากที่ได้นำศพผู้เสียชีวิตมาไว้ที่รถ เพื่อเตรียมนำส่งสถาบันนิติเวชวิทยา เพื่อชั้นสูตรต่อไปด้วย
อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่า พ.ต.อ.สราพงษ์ มักไม่ให้ความร่วมมือในการทำข่าวและนำเสนอข่าวที่เกิดขึ้นในพื้นที่สน.บางเขนมาตลอด อาจเป็นเพราะว่า พื้นที่สน.บางเขน เกิดคดีอุกอาจฆาตกรรมขึ้นบ่อยครั้ง และเกรงจะเสียชื่อเสียงก็อาจเป็นได้