คดีนายราม (นามสมมติ) หนุ่มแขกซิกข์ อายุ 16 ปี ผู้ต้องหาที่ร่วมกับพวกขับรถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า คัมรี สีดำ ทะเบียนป้ายแดง ว-3698 กรุงเทพมหานคร
ตระเวนไล่ปาไข่ไก่ผสมกาวยางใส่รถชาวบ้านตามท้องถนน ก่อนที่ตัวเองจะประสบอุบัติเหตุรถพลิกคว่ำถูกจับกุมได้คาหนังคาเขา เบื้องต้นพนักงานสอบสวน สน.บางโพงพาง แจ้งข้อหาทำให้ผู้อื่นเสียทรัพย์ นำตัวส่งศูนย์แรกรับเด็กและเยาวชนชาย บ้านเมตตา โดยมีผู้ปกครองยื่นหลักทรัพย์ประกันตัวไปในเวลาต่อมา
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 21 เม.ย. พ.ต.อ.กษิณ ศรีธรรมสุข ผกก.สน.บางโพงพาง เปิดเผยความคืบหน้าว่า
พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างหาพยานหลักฐานเพื่อสาวไปสู่การติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่เป็นเยาวชนร่วมก่อเหตุที่เหลือ ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย หากพยานหลักฐานเพียงพอก็จะขออนุมัติหมายจับ แม้ผู้ต้องหาจะเป็นเยาวชน แต่ก็มีขั้นตอนการดำเนินการอยู่แล้ว ส่วนผู้เสียหายมีมาแจ้งเพิ่มอีก 1 ราย หลังจากเห็นข่าวในโทรทัศน์แล้วมาดูรถที่โรงพัก ยืนยันว่าเป็นรถที่คนร้ายใช้ก่อเหตุปาไข่ใส่รถผู้เสียหาย
พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล รอง ผบช.น. กล่าวว่า
ได้กำชับพนักงานสอบสวนให้สอบเพิ่มเติมว่าเข้าข่ายความผิดข้อหาอื่นๆ ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 หรือไม่ นอกจากข้อหาดำเนินคดีฐานทำให้ผู้อื่นเสียทรัพย์ หากพบก็จะแจ้งข้อหาดำเนินคดีทันที โดยไม่ละเว้น และให้พิจารณาดูด้วยว่า กลุ่มผู้ต้องหามีเจตนาอย่างไร หากมีเจตนาที่จะทำให้รถยนต์เสียหลักจนเกิดอุบัติเหตุ อาจทำให้ได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต ก็จะแจ้งข้อหาเพิ่มฐานพยายามฆ่า อย่างไรก็ตาม คดีนี้ผู้ต้องหาเป็นเยาวชน ต้องเรียกผู้ปกครองมารับทราบ หากพบผู้ปกครองของเด็กมีส่วนเกี่ยวข้องสนับสนุนให้ลูกหลานของตัวเองไปก่อเหตุ ก็จะพิจารณาแจ้งความกับผู้ปกครองตาม พ.ร.บ. คุ้มครองเด็ก
ด้านนายไพศาล วิเชียรเกื้อ อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน กระทรวงยุติธรรม เผยว่า
ได้รับรายงานเบื้องต้นว่าเด็กอาจกระทำไปด้วยความคึกคะนอง และยังเรียนหนังสืออยู่โรงเรียนนานาชาติ ถูกดำเนินคดีข้อหาร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ ไม่ถือเป็นข้อหาอุกฉกรรจ์ จึงอนุญาตให้ประกันตัวในวงเงิน 3 พันบาท ก่อนนัดให้ ปากคำต่อเจ้าหน้าที่บ้านเมตตาอีกครั้งในวันที่ 22 เม.ย.นี้ เพื่อสืบเสาะข้อเท็จจริงว่า สาเหตุที่เด็กกระทำผิดครั้งนี้ เพราะอะไร ส่วนการสอบสวนตามกระบวนการดำเนินคดีสำหรับเด็กและเยาวชน จะนัดพนักงานคุมประพฤติ นักจิตวิทยา นักสังคมสังเคราะห์ ร่วมสอบสวนด้วย
นายธวัชชัย ไทยเขียว รองอธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน กล่าวถึงแนวทางในการสอบปากคำในคดีที่เกิดขึ้นว่า
จะมีนักจิตวิทยาร่วมซักถาม และพูดคุยกับเยาวชน เพื่อให้ทราบถึงเหตุปัจจัย หรือแรงจูงใจที่ทำให้ต้องนำรถยนต์ออกมาขับขี่และปาไข่ใส่รถของผู้อื่น ทั้งที่ยังเป็นเยาวชน อายุยังไม่ถึงเกณฑ์ทำใบอนุญาตขับขี่ นอกจากนี้ จะตรวจสอบอย่างละเอียดว่า เด็กนำรถออกมาใช้ได้อย่างไร มีส่วนข้องกับแก๊งปาไข่ในช่วงเทศกาลสงกรานต์หรือไม่ รวมถึงผู้ปกครองต้องร่วมรับผิดชอบอย่างไรบ้าง โดยรายละเอียดทั้งหมดจะต้องรวบรวม ให้สมบูรณ์ภายในเวลา 30 วัน เพื่อประกอบในสำนวนคดีที่จะส่งฟ้องต่อศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง