เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 17 เม.ย. พล.ต.ต.อภิรักษ์ หงษ์ทอง ผบก.ภ.จ.ระนอง
เดินทางไปที่ สภ.เมืองระนอง เพื่อร่วมสอบปากคำนายวีรา ยิ่งยวด อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 53 หมู่ 3 ต.ละอุ่นใต้ อ.ละอุ่น จ.ระนอง หนึ่งในผู้ต้องหาคดีรถห้องเย็นบรรทุกแรงงานพม่า หลังถูกตำรวจชุดสืบสวนตามจับกุมได้ที่บ้านเช่าเลขที่ 199/1 หมู่ 6 ซอยหลังโรงเรียนมิตรภาพที่ 60 ต.บางริ้น อ.เมืองระนอง เมื่อคืนวันที่ 16 เม.ย.ที่ผ่านมา
จากการสอบสวนเบื้องต้นนายวีราให้การปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ามนุษย์ข้ามชาติแต่อย่างใด
แต่ยอมรับว่าในวันเกิดเหตุนายสุชล บุญปล้อง คนขับรถห้องเย็นมรณะ ชักชวนนั่งติดรถไปเป็นเพื่อนบอกว่าจะนำสินค้าไปส่งที่จังหวัดภูเก็ต โดยให้ค่าเหนื่อยเป็นเงิน 12,000 บาท พอทราบเช่นนั้นก็ไม่ถามอะไร โดยไม่รู้ว่ารถคันดังกล่าวบรรทุกแรงงานพม่า มารู้ภายหลังเมื่อนายสุชลลงมาเปิดประตูรถแล้วพบเห็นพม่าตกลงมาตาย จึงพากันแยกย้ายหลบหนี
หลังสอบสวน พล.ต.ต.อภิรักษ์กล่าวว่า
พนักงานสอบสวนยังไม่ปักใจเชื่อกับคำให้การของนายวีราที่ปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการค้าแรงงานต่างด้าว เพราะจากคำให้การของนายสุชล บุญปล้อง คนขับรถห้องเย็น ได้ให้ข้อมูลกับตำรวจว่านายวีรามีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการอย่างแน่นอน โดยทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานเรื่องแรงงานพม่า นอกจากนี้ พนักงานสอบสวนยังมีหลักฐานอื่นๆที่มัดตัวอีกหลายอย่าง มั่นใจว่าดิ้นไม่หลุดแน่นอน
ตามล็อกเพิ่มอีก1 แก๊งขนพม่า54ศพ
ผบก.ภ.จ.ระนองกล่าวอีกว่า คดีนี้มีความคืบหน้าไปมากแล้ว ถึงขั้นมีการออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการยกทีม 3 กลุ่ม
คือ 1. กลุ่มแพปลาโชคเจริญ มีนายจิราวัฒน์ โสภาพันธุ์วรากุล หรือโกชุ้น เจ้าของแพปลา นายเฉลิมชัย หรือโจ วริศจันทร์เปล่ง เป็นผู้ติดต่อประสานงานให้ขนพม่าไป จ.ภูเก็ต นายนภดล หรือติ่ง อดทน เป็นผู้ติดต่อคนกลาง นางปัญชลีย์ หรือผึ้ง ชูสุข คนนับจำนวนพม่าขึ้นแพปลา และขึ้นรถห้องเย็นมรณะ และนายสุพัชร์ หรือพัชร์ โพธิ์ทอง เป็นผู้ติดต่อนำแรงงานพม่าไปส่งที่ จ.ภูเก็ต 2. กลุ่มขนส่ง มีนายดำรงค์ ผุสดี หรือโกรัน เจ้าของรถ และนายสุชล บุญปล้อง คนขับรถ 3. กลุ่มประสานงานหรือนายหน้า มีนายวีรา ยิ่งยวด เป็นผู้ติดต่อกับแพปลาโชคเจริญ และผู้ว่าจ้างขนแรงงานพม่า ซึ่งผู้ต้องหาที่เหลือจะได้ติดตามจับกุมให้สิ้นซาก
ต่อมาเที่ยงวันเดียวกัน พ.ต.ท.เยเมน หัวหน้าหน่วยต่อต้านการค้ามนุษย์จังหวัดเกาะสอง ประเทศพม่า และคณะรวม 10 คน
เดินทางเข้าพบ พล.ต.ต.อภิรักษ์ หงษ์ทอง ผบก.ภ.จ.ระนอง และ พ.ต.อ.นรินทร์ บุษยวิทย์ รอง ผบก. ในฐานะหัวหน้าชุดสอบสวน เพื่อติดตามความคืบหน้าของคดี และแลกเปลี่ยนประสานข้อมูลระหว่างกันในเรื่องเครือข่ายขบวนการการค้ามนุษย์ทั้งที่เป็นคนไทยและคนพม่า จากนั้น พ.ต.ท.เยเมนพร้อมคณะเดินทางไปเยี่ยมและสอบสวนชาวพม่าที่ถูกขังแทนค่าปรับในเรือนจำจังหวัดระนองจำนวน 46 คน เพื่อนำข้อมูลไปสืบสวนสอบสวนจับกุมผู้ร่วมขบวนการที่เป็นคนพม่าต่อไป
นางกาญจนาภา กี่หมัน ผวจ.ระนอง กล่าวว่า
ขณะนี้ได้มีคำสั่งให้ฝ่ายปกครองทุกพื้นที่ในจังหวัดระนอง ประสานกับตำรวจเพิ่มความเข้มในการตรวจตราแรงงานพม่าตามสถานประกอบการต่างๆ โดยเฉพาะตามแพปลาและแหล่งที่อยู่อาศัยของแรงงานพม่าว่ามีการเคลื่อนย้ายแรงงานพม่าหรือไม่ นอกจากนี้ ให้ประสานไปยังผู้ประกอบการให้ช่วยดูแลแรงงานพม่าที่อยู่ในสังกัดของตนเองด้วย
ด้าน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวว่า
ในวันที่ 18 เม.ย. เวลา 10.00 น. ทางกรมดีเอสไอเป็นเจ้าภาพประชุมแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหาการลักลอบนำแรงงานต่างด้าวเข้าประเทศ โดยมีนายจรัญ ภักดีธนากุล ปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็นประธาน เพื่อหาแนวทางแก้ปัญหาในภาพกว้าง โดยไม่จำเป็นต้องโอนคดีการเสียชีวิตของแรงงานพม่าที่ จ.ระนอง มาเป็นคดีพิเศษ แต่จะใช้เป็นกรณีตัวอย่าง จากข้อมูลพบว่าการค้าแรงงานเถื่อนมีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง การปราบปรามต้องตัดวงจรการเงินโดยนำมาตรการภาษีและการยึดทรัพย์จัดการขั้นเด็ดขาด