ฆ่าแม่ค้าหมกส้วม จับฆาตกรทันควัน เป็นคู่กิ๊กขี้ขโมย

เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 11 เม.ย. ร.ต.อ.คเชนทร์ นิยมทอง ร้อยเวร สภ.นครชัยศรี จ.นครปฐม

รับแจ้งมีผู้พบศพในบ่อเกรอะส้วมหลังบ้านร้างไม่มีเลขที่ ริมถนนบางพระบางภาษี หมู่ 1 ต.บางแก้วฟ้า จึงรายงาน ผู้บังคับบัญชาทราบ จากนั้นรุดไปที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พล.ต.ต.โสภณ พิสุทธิวงษ์ รอง ผบช.ภ.7 พ.ต.อ.อนุรักษ์ นาคพนม ผกก.สภ.นครชัยศรี พ.ต.ท.มนัส ประชาชน รอง ผกก.(ป.) พ.ต.ท.สุรพันธ์ นาทวรทัต สว.สส. หน่วยกู้ภัยมูลนิธิสุขศาลานุเคราะห์ และแพทย์เวร รพ.หลวงพ่อเปิ่น
 

พบร่างผู้เสียชีวิตลักษณะสวมเสื้อเชิ้ตสีเหลือง กางเกงยีนส์สีดำ นอนหัวทิ่มคุดคู้อยู่ก้นบ่อ
 
หน่วยกู้ภัยช่วยกันนำศพขึ้นมา ใบหน้ามีรอยเขียวช้ำ บริเวณลำคอมีผ้าลายดอกพันคอรัดจนแน่น คาดเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 8-10 ชม.แพทย์ลงความเห็นเสียชีวิตจากการขาดอากาศหายใจ ระหว่างตำรวจตรวจสอบที่เกิดเหตุอยู่นั้น ได้มีนายฉัตรชัย นวมเพชร อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 16/17 หมู่ 6 ต.ศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กทม. เดินทางไปดูศพ โดยทันทีที่เห็นศพนายฉัตรชัยถึงกับร่ำไห้โฮยืนยันว่าเป็นศพนางบุญล้อม คำเรือง อายุ 46 ปี ผู้เป็นแม่ พักอยู่บ้านเดียวกัน ซึ่งหายตัวออกจากบ้านไปตั้งแต่วันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา ระหว่างตามไปทวงหนี้นายสุชาติ สุขเนตร อายุ 40 ปี อาชีพรับจ้างทั่วไป อยู่บ้านเลขที่ 63/12 หมู่ 1 ต.บางแก้วฟ้า อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม
 

หลังทราบเบาะแสตำรวจเชื่อว่านายสุชาติน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของนางบุญล้อม

พล.ต.ต.โสภณ พิสุทธิวงษ์ รอง ผบช.ภ.7 จึงสั่งการให้ตำรวจไปเชิญตัวนายสุชาติจากบ้านมาสอบปากคำ ในชั้นต้นนายสุชาติให้การวกวน แต่เมื่อถูกตำรวจเค้นสอบหนักเข้าในที่สุดนายสุชาติยอมรับสารภาพว่าเป็นคนร้ายที่สังหารนางบุญล้อม พร้อมให้การว่าคบหามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับนางบุญล้อมที่มีอาชีพขายผักสดอยู่ที่ตลาดสดแห่งหนึ่งใน กทม. มานานหลายเดือนแล้ว ปกตินางบุญล้อมเป็นคนชอบดื่มสุรา เมื่อเมาก็จะโทรศัพท์นัดให้ไปพบร่วมหลับนอนกัน ต่อมาเมื่อวันที่ 8 เม.ย. นางบุญล้อมโทรศัพท์นัดให้ไปพบที่บ้าน จากนั้นชักชวนดื่มสุราและร่วมหลับนอน ระหว่างนางบุญล้อมเข้าห้องน้ำได้แอบขโมยสร้อยคอสเตนเลสพร้อมพระหลวงพ่อปานเนื้อผง วัดบางนมโค ที่นางบุญล้อมถอดแขวนไว้หน้าห้องน้ำ ก่อนจะทำทีขอตัวกลับบ้าน เมื่อนางบุญล้อมออกจากห้องน้ำไม่เห็นสร้อยคอ ได้โทรศัพท์สอบถามจึงบอกไปว่าขอยืมไปห้อยคอ 2 วันแล้วจะนำไปคืน
 

นายสุชาติให้การอีกว่า ต่อมาในช่วงเย็นวันที่ 10 เม.ย. นางบุญล้อมโทรศัพท์ไปทวงสร้อยคอและพระเครื่องอีกครั้ง พร้อมข่มขู่ว่าหากไม่คืนจะแจ้งตำรวจจับกุม

โดยนัดพบกันที่ริมน้ำหน้าวัดห้วยพลู จึงเดินทางไปพบตามนัดและบอกความจริงกับนางบุญล้อมว่านำพระเครื่องไปขายให้กับเซียนพระคนหนึ่งแล้วได้เงินมา 5 พันบาท ทำให้ผู้ตายโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงเอะอะโวยวายขู่ว่าหากไม่ไปเอาพระมาคืนจะเข้าแจ้งความตำรวจให้จับกุม ด้วยความกลัวจึงวางแผนพานางบุญล้อมนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ไปที่บ้านร้างจุดเกิดเหตุ ฉวยโอกาสที่นางบุญล้อมเผลอไม่ทันระวังตัวกระชากเส้นผมแล้วใช้ผ้าผูกผมของผู้ตายรัดคอจนขาดลมหายใจเสียชีวิตคามือ จากนั้นอุ้มศพไปทิ้งบ่อเกรอะหลังบ้านร้างที่มีความลึกราว 3 เมตร เพื่ออำพรางคดี กระทั่งมีผู้ผ่านมาพบแจ้งตำรวจติดตามจับกุมตัวไว้ได้