แฉคนกรุงร้อยละ 14 ใช้ แฟน-คนรัก เดิมพันพนันบอล
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 24 พฤษภาคม 2549 15:50 น.
เอแบคโพลล์แฉนักเรียน-นักศึกษาตั้งใจจะเล่นพนันทายผลฟุตบอลสูงกว่าแสนคน และวงเงินหมุนเวียนในกลุ่มดังกล่าวเกิน 100 ล้านบาท กว่าร้อยละ 80 ระบุเล่นพนันทายผลฟุตบอลทำให้เชียร์สนุก/ตื่นเต้นขึ้น ส่วนร้อยละ 19 มั่นใจว่ามีโอกาส เล่นได้ มากว่า เล่นเสีย ขณะที่ร้อยละ 14.8 ระบุเคยใช้ แฟน-คนรัก เล่นพนันหรือเดิมพันแทนเงิน
ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง โครงการสำรวจสถานการณ์การเล่นทายพนันบอล ผลประมาณการจำนวนผู้ที่คาดว่าจะเล่น และวงเงินหมุนเวียนในช่วงการแข่งขันฟุตบอลโลก 2006 : กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล จำนวนทั้งสิ้น 1,584 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 19-23 พฤษภาคม 2549 พบว่า ตัวอย่างร้อยละ 63.8 สนใจติดตามชมการถ่ายทอดฟุตบอลต่างประเทศ ขณะที่ร้อยละ 63.0 ตั้งใจจะติดตามชมการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2006 ครั้งนี้ และร้อยละ 60.3 ตั้งใจชมการถ่ายทอดสดวันเปิดสนาม
โดยผลการสำรวจพบว่าทีมที่ตัวอย่างติดตามเชียร์มากที่สุดคือ ทีมชาติอังกฤษคิดเป็นร้อยละ 31.3 รองลงมาคือบราซิล และเยอรมัน คิดเป็นร้อยละ 28.5 และ 12.6 ตามลำดับ ส่วนความเห็นต่อทีมที่มีโอกาสคว้าแชมป์จากการแข่งขันมากที่สุด พบว่า ร้อยละ 57.9 ระบุว่าบราซิล รองลงมาคือร้อยละ 19.6 ระบุว่าอังกฤษ และร้อยละ 12.0 ระบุว่าเยอรมัน ตามลำดับ
ด้านนักฟุตบอลที่ชื่นชอบ/ติดตามเชียร์ พบว่า 3 อันดับแรกคือ โรนัลดินโญ่ จากประเทศบราซิล รองลงมา คือคือเดวิด เบ็คแฮม จากประเทศอังกฤษ และโรนัลโด้ จากประเทศบราซิล คิดเป็นร้อยละ 22.4 , 12.3 และ 11.7 ตามลำดับ สำหรับนักฟุตบอลที่คาดว่าจะได้รับตำแหน่งดาวซัลโวในครั้งนี้ พบว่า ร้อยละ 35.1 ระบุโรนัลดินโญ่ จากบราซิล รองลงมา คือ ร้อยละ 21.9 ระบุโรนัลโด้ จากบราซิล และร้อยละ 10.7 ระบุเธียร์รี่ อองรี จากฝรั่งเศส ตามลำดับ
ส่วนพฤติกรรมการรับชมการถ่ายทอดสดนั้น พบว่าร้อยละ 84.4 ระบุว่าตั้งใจชมที่บ้าน / ที่พักของตัวเอง รองลงมา คือ ร้อยละ 22.3 ระบุตั้งใจชมที่บ้านเพื่อน และร้อยละ 16.2 ตั้งใจชมที่ร้านอาหาร / สวนอาหาร ประเด็นที่น่าสนใจคือบุคคลที่ตั้งใจจะชมการถ่ายทอดสดด้วยพบว่า ร้อยละ 53.9 ระบุว่าเพื่อน รองลงมาคือร้อยละ 44.7 ระบุว่าครอบครัว และร้อยละ 25.7 ระบุตั้งใจชมถ่ายทอดสดคนเดียว
ดร.นพดลยังกล่าวต่อไปว่า ประเด็นที่น่าพิจารณาอีกประการคือแนวโน้มวิถีการดำเนินชีวิตด้านต่างๆ ซึ่งพบว่าตัวอย่างร้อยละ 48.5 ระบุว่ามีแนวโน้มจะรับประทานขนม/ของขบเคี้ยวเพิ่มมากขึ้นในช่วงที่มีการถ่ายทอดสด ขณะที่ร้อยละ 39.1 มีแนวโน้มดื่มเหล้า / เบียร์ / เครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพิ่มขึ้น ร้อยละ 35.3 มีแนวโน้มรับประทานอาหารตามร้าน/ สวนอาหารมากขึ้น และร้อยละ 31.3 มีแนวโน้มสูบบุหรี่เพิ่มมากขึ้น
ด้านประสบการณ์เล่นพนันทายผลฟุตบอลพบว่า ตัวอย่างร้อยละ 11.9 ระบุว่าปัจจุบันยังเล่นพนันทายผลฟุตบอล ขณะที่ร้อยละ 10.3 เคยเล่นแต่ปัจจุบันเลิกเล่นแล้ว เมื่อสอบถามถึงปัญหาที่เคยประสบของตัวอย่างที่เคยเล่นพนัน พบว่า ร้อยละ 32.8 ระบุว่าเคยโดนโกง /จ่ายไม่ครบ / ไม่จ่าย ขณะที่ร้อยละ 25.9 ต้องหยุดงาน / หนีเรียนเนื่องจากติดตามดูการถ่ายทอดสด และร้อยละ 25.5 มีหนี้สินจากการเล่นพนัน สำหรับประสบการณ์ที่เคยใช้สิ่งอื่นในการเดิมพัน นอกจากเงิน นั้น พบว่า มีตัวอย่างร้อยละ 14.8 ที่เคยใช้สิ่งอื่นใช้ในการเล่นพนัน หรือเดิมพันแทนเงิน คือ แฟน คนรัก / ของมีค่าต่างๆ
เมื่อสอบถามต่อไปว่าตั้งแต่ปี 2549 เป็นต้นมา เคยพบเห็นเจ้าหน้าที่รัฐที่ทำงานหรือพักอาศัยในชุมชนหรือละแวกบ้าน เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ ตัวอย่างส่วนใหญ่คือร้อยละ 72.4 ระบุว่าไม่เคยพบเห็น ขณะที่ร้อยละ 14.0 ระบุว่าเคยพบเห็นว่าเป็นผู้เล่นพนันทายผลฟุตบอล รองลงมา คือ ร้อยละ 8.5 เคยพบเห็นว่ารับส่วย (เงินสินบน) จากโต๊ะบอล และร้อยละ 7.4 เป็นโต๊ะบอล ในทางกลับกันตัวอย่างร้อยละ 7.9 เคยพบเห็นเจ้าหน้าที่รัฐเข้าจับกุมผู้กระทำผิด (โต๊ะบอล/ผู้รับแทง/ผู้เล่น)
ประเด็นสำคัญคือ ผลการสำรวจสามารถประมาณการจากจำนวนคนทั้งหมด 6,081,390 คน พบว่ามีผู้ตั้งใจเล่นพนันทายผลฟุตบอลโลก 2006 สูงถึง 850,173 คน ขณะที่วงเงินเวียนหมุนเวียนในการเล่นมีสูงถึง 2,137,304,745 บาท ซึ่งเมื่อจำแนกตามพื้นที่แล้วพบว่า ประชาชนในกรุงเทพมหานครมีจำนวนผู้ที่ตั้งใจจะเล่นทายผลพนันฟุตบอลรายการนี้ถึง 603,553 คน โดยมีวงเงินหมุนเวียน 1,701,269,376 บาท ขณะที่ปริมณฑลมีจำนวนผู้ที่ตั้งใจจะเล่นพนันทายผลฟุตบอลจำนวน 246,620 คน และมีวงเงินหมุนเวียน 436,035,369 บาท
ที่น่าสนใจเมื่อจำแนกตามกลุ่มอาชีพพบว่ามีนักเรียน / นักศึกษาที่ตั้งใจจะเล่นพนันทายผลฟุตบอลสูงถึง 107,090 คน และวงเงินหมุนเวียนในกลุ่มดังกล่าวอยู่ที่ประมาณ 103,659,696 บาท
ผลการสำรวจยังพบว่าเหตุผลสำคัญที่ทำให้เล่นพนันทายผลฟุตบอลคือทำให้เชียร์ฟุตบอลสนุก/ตื่นเต้นขึ้น คิดเป็นร้อยละ 82.9 รองลงมาคือชอบวิเคราะห์เกมส์การแข่งขัน คิดเป็นร้อยละ 32.4 และมั่นใจว่ามีโอกาส เล่นได้ มากว่า เล่นเสีย คิดเป็นร้อยละ 19.4 ด้านบุคคลที่ตั้งใจจะเล่นด้วยนั้น พบว่า ร้อยละ 48.8 ระบุว่าคือเพื่อนร่วมสถาบัน/เพื่อนร่วมงาน รองลงมา คือ ร้อยละ 31.3 ตั้งใจจะเล่นกับคนรู้จักในละแวกบ้าน/ชุมชน และร้อยละ 30.4 ตั้งใจจะแทงที่โต๊ะบอล
นอกจากนี้เมื่อสอบถามว่า หากเงินที่เตรียมไว้เล่นหมดจะทำอย่างไร ตัวอย่างร้อยละ 9.7 ระบุว่าจะกู้ยืมเงินมาเล่น ขณะที่ร้อยละ 12.0 จะหาเงินจากแหล่งอื่นๆ มาเล่น เช่น ขอเพิ่มจากพ่อแม่ ผู้ปกครอง / จากแฟน คนรัก / สินเชื่อส่วนบุคคล เป็นต้น
ที่น่าพิจารณาคือตัวอย่างสูงถึงร้อยละ 61.9 ระบุว่าไม่มีความกังวลใจว่าจะถูกจับดำเนินคดีหากเล่นพนันทายผลฟุตบอล นอกจากนี้ เมื่อสอบถามความคิดเห็นต่อการเปิดให้มี โต๊ะรับพนันทายผลฟุตบอลอย่างถูกต้องตามกฎหมายนั้น พบว่า ร้อยละ 59.8 ระบุว่าไม่เห็นด้วย ขณะที่ร้อยละ 19.0 ระบุว่าเห็นด้วย และร้อยละ 21.2 ไม่มีความเห็น
ดร.นพดล กล่าวต่อว่า ผลวิจัยครั้งนี้แสดงให้เห็นข้อมูลที่สำคัญอย่างน้อย 5 ประการคือ ประการที่ 1 การแข่งขันฟุตบอลโลกทำให้ประชาชนส่วนใหญ่มีกิจกรรมชมการถ่ายทอดสดการแข่งขันร่วมกันกับเพื่อนและคนในครอบครัว ซึ่งน่าจะเป็นผลดีทำให้ประชาชนมีความสัมพันธ์ทางสังคมที่ดีต่อกัน
ประการที่ 2 ผลกระทบที่มีทั้งแง่ดีและไม่ดีในคราวเดียวกันคือ ประชาชนผู้ตั้งใจจะชมการแข่งขันจะรับประทานขนมขบเคี้ยวเพิ่มขึ้น ดื่มเหล้าเบียร์ไวน์เพิ่มขึ้น รับประทานอาหารนอกบ้านมากขึ้น สูบบุหรี่มากขึ้น สั่งอาหารบริการส่งถึงบ้านมากขึ้น เที่ยวสถานบันเทิงมากขึ้น และทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกับคนในครอบครัวมากขึ้น
ประการที่ 3 ปัญหาที่กลุ่มคนเล่นพนันบอลเคยประสบอันดับแรกคือ โดนโกง จ่ายไม่ครบ ไม่จ่าย หยุดงาน หนีเรียน มีหนี้สินจากการพนัน ขัดแย้งกับคู่รัก ต้องขายหรือจำนำทรัพย์สิน โกหกพ่อแม่ ผู้ปกครอง ทะเลาะวิวาท ถูกเจ้าหนี้ทำร้ายร่างกาย มีความเครียดสูงต้องกินยาพบแพทย์ และต้องหาเงินมาเล่นใช้หนี้ที่ผิดกฎหมาย
ประการที่ 4 จำนวนผู้ตั้งใจจะเล่นทานพนันบอลโลกครั้งนี้มีสูงถึง 850,173 คนที่อายุ 13 ปีขึ้นไปในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยประมาณการว่าจะมีวงเงินสะพัดสูงถึง 2,137,304,745 บาท โดยจะมีการเล่นกันมาในกลุ่มนักเรียนนักศึกษาสูงถึงกว่าแสนคน สำหรับช่องทางในการเล่นทายพนันบอลอันดับแรกเป็นเพื่อนร่วมสถาบันหรือเพื่อนร่วมงาน รองลงมาเป็นคนรู้จักในละแวกบ้านหรือชุมชน และอันดับที่สามคือโต๊ะรับแทงพนันบอล
ประการที่ 5 กลุ่มคนที่ตั้งใจจะเล่นทายพนันบอลส่วนใหญ่ไม่รู้สึกกังวลต่อการถูกจับกุมดำเนินคดีเลย ในขณะที่ประชาชนทั่วไปส่วนใหญ่หรือร้อยละ 59.8 ไม่เห็นด้วยถ้าจะมีการเปิดโต๊ะรับทายพนันบอลอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
ด้านนพ.มล.สมชาย จักรพันธ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า การแข่งขันกีฬาโดยเฉพาะฟุตบอลซึ่งจะมีการเล่นพนันตามมา นับเป็นปัญหาที่ฝังรากลึกในสังคมไทยมายาวนาน ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในครอบครัวทั้งทางตรงและอ้อม ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่ทุกครอบครัวควรใส่ใจไม่ให้เกิดปัญหาโรคติดการพนันในครอบครัว ด้วยการหมั่นคอยตักเตือนกันเองในครอบครัว
ทั้งนี้ มีผลการศึกษาในสหรัฐ พบว่าวัยรุ่นสหรัฐเป็นโรคติดพนันถึงร้อยละ 2.8-8 โดยเป็นเพศชายมากกว่าเพศหญิง หากประเทศไหนให้การพนันเป็นเรื่องถูกกฎหมายก็จะพบว่ามีประชาชนเป็นโรคนี้สูง และยังมีตัวเลข 1 ใน 4 ของลูกที่มาจากพ่อแม่ที่เล่นพนันมาก ลูกก็จะมีโอกาสเป็นเหมือนพ่อกับแม่เช่นกัน