ศาลแขวงสุพรรณบุรี พิพากษาจำคุกหนุ่มสุพรรณฯฐานเตะป.1 กระอักเลือดสลบคาที่ แค้นเตะลูกบอลใส่ลูกสาวป.4 รุ่นพี่ เมื่อปลายปีที่แล้ว แต่ให้การรับสารภาพ ลดโทษเหลือจำคุก 6 เดือน แต่ไม่รอลงอาญา เพราะขาดความสำนึกรับผิดชอบอย่างร้ายแรง ใช้กำลังแก้แค้นแทนลูก แทนที่จะอบรมสั่งสอน ไม่ยอมนำเหยื่อส่งรพ. และไม่เคยไปเยี่ยม
เมื่อวันที่ 8 เม.ย. ศาลแขวงสุพรรณบุรี มีคำพิพากษาคดีที่พนักงานอัยการ เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายสมชาย (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 30 ปี ชาว อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี เป็นจำเลย
เรื่องความผิดต่อร่างกาย ในคดีทำร้ายร่างกาย ด.ช.ต้อย (นามสมมุติ) วัย 7 ขวบ นร. ชั้น ป.1 โรงเรียนชื่อดังใน อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี ได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดเมื่อวันที่ 12 พ.ย. 50 โดยศาลพิเคราะห์จากพยานหลักฐานโดยละเอียดแล้ว ตัดสินว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 พิพากษาจำคุกจำเลย 1 ปี แต่จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 6 เดือน
นอกจากนี้ ศาลพิเคราะห์สภาพความผิดของจำเลยตามคำฟ้องโจทก์ ประกอบรายงานการสืบเสาะและพินิจจำเลยแล้ว เห็นว่าจำเลยใช้กำลังประทุษร้าย
โดยใช้เท้าเตะทำร้ายร่างกายผู้เสียหายซึ่งเป็นเด็กอายุเพียง 7 ขวบ ถูกบริเวณท้องและใบหน้า นับว่าเป็นอวัยวะสำคัญของร่างกายเด็กอย่างแรงจำนวนหลายครั้ง จนผู้เสียหายล้มลงศีรษะกระแทกพื้นหมดสติ เป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บเป็นอันตรายแก่กาย มีบาดแผลฟกช้ำที่ขอบตา โหนกแก้ม มีเลือดออกที่ขอบเยื่อบุตาขวา และสมองด้านขวาฟกช้ำเล็กน้อย หลังเกิดเหตุผู้เสียหายต้องเข้ารับการรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล เป็นเวลา 3 วัน และกลับมาพักฟื้นที่บ้านอีก โดยหยุดเรียนเป็นเวลา 1 เดือน
ทั้งนี้ การกระทำของจำเลยยังส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจของผู้เสียหาย
โดยผู้เสียหายมีอาการหวาดผวาและตกใจหลังเหตุการณ์ที่ถูกทำร้าย แม้การกระทำของจำเลยจะมีสาเหตุมาจากการที่ผู้เสียหายทะเลาะกับบุตรสาวของตนก็ตาม ก็เป็นเพียงแค่การทะเลาะวิวาทกันตามประสาของเด็ก จำเลยซึ่งเป็นผู้ใหญ่ควรมีความสำนึกรับผิดชอบ ที่จะต้องอบรมสั่งสอนเด็กให้มีความสมานฉันท์ต่อกัน ไม่ทะเลาะวิวาทกัน แต่จำเลยกลับใช้กำลังทำร้ายผู้เสียหายเพื่อแก้แค้นแทนบุตร ซึ่งนอกจากจะเป็นการทำร้ายผู้เสียหายอันเป็นความผิดตามกฎหมายอาญาแล้ว ยังเป็นเยี่ยงอย่างที่ไม่ดีแก่บุตรของตนด้วย นอกจากนี้ หลังเกิดเหตุ จำเลยไม่นำผู้เสียหายส่งโรงพยาบาล และไม่เคยไปเยี่ยมเยียนผู้เสียหาย เพื่อแสดงความสำนึกผิดต่อผู้เสียหายและครอบครัวของผู้เสียหายเลย คงนำเงินเพียง 2,400 บาท มาวางต่อหน้าศาลเท่านั้น แสดงให้เห็นว่าจำเลยยังขาดความสำนึกรับผิดชอบอย่างร้ายแรง พฤติการณ์แห่งคดี จึงยังไม่มีเหตุสมควรที่จะรอการลงโทษจำคุกแก่จำเลย
สำหรับคดีนี้ สืบเนื่องจากเมื่อช่วงเย็นวันที่ 12 พ.ย. 50 ด.ช.ต้อย มีเรื่องทะเลาะวิวาทกับ ด.ญ.เมย์ (นามสมมุติ) รุ่นพี่ชั้น ป.4 โรงเรียนเดียวกัน
เบื้องต้นทราบว่าทะเลาะกันเรื่องเล่นเกมตอบคำถามเลียนแบบรายการยอดฮิตทางช่อง 3 “ถ้าคุณแน่ อย่าแพ้ป.4” โดย ด.ญ.เมย์ เล่นเป็นคนตอบคำถาม แต่ตอบผิด จึงถูก ด.ช.ต้อยซึ่งเป็นคนดูโห่ใส่ กระทั่ง ด.ญ.เมย์ กลับไปฟ้องนายสมชายซึ่งเป็นบิดาที่อยู่แถว ๆ นั้น นายสมชายจึงตรงเข้ามาทำร้าย ด.ช.ต้อย ด้วยการเตะเข้าที่ลำตัวและใบหน้าหลายครั้งจนบาดเจ็บกระอักเลือดสลบคาสนามหญ้าของโรงเรียน ต่อมาเพื่อน ๆ นักเรียนไปตามยายของ ด.ช.ต้อย มานำตัวส่ง รพ. ก่อนเข้าแจ้งความในวันที่ 13 พ.ย. หรือวันรุ่งขึ้น หลังตำรวจสอบสวนแจ้งข้อหานายสมชายแล้ว ทราบข้อเท็จจริงว่า ด.ช.ต้อย กับ ด.ญ.เมย์ ทะเลาะกันเรื่องเล่นฟุตบอล ไม่ใช่เรื่องเล่นเกมตอบคำถาม โดย ด.ญ.เมย์ ถูก ด.ช.ต้อย เตะลูกฟุตบอลเข้าใส่ขณะเล่นฟุตบอลกันในสนามหญ้า จนเกิดโมโหทะเลาะกัน ก่อนไปฟ้องบิดา จนกลายเป็นคดีความดังกล่าว.