พ่อหมูแฮมประกาศห้ามลูกชายขับรถตลอดชีวิต

โชเฟอร์รถปอ.เผยนาทีเกิดเหตุถูก"หมูแฮม"ขับเก๋งชน

หลังเกิดเรื่องรออยู่นานแต่คู่กรณีก็ไม่ยอมลงมาเจรจา จนตำรวจต้องมาจัดการแยกรถเพราะจราจรติดหนัก ก่อนที่จะมีคนมาเคลียร์เรื่องยอมจ่ายค่าเสียหายให้ ตอนแรกก็ไม่รู้ว่าเป็นใครแต่พอรู้ก็ไม่รู้สึกอะไรเนื่องจากเหตุที่เกิดไม่ได้รุนแรง แต่ติงไม่น่าจะปล่อยให้ออกมาขับรถอีก ด้านพ่อหมูแฮมประกาศห้ามลูกขับรถอีกตลอดชีวิต จะจัดคนขับรถให้เอง ชี้แจงหลังเกิดเหตุร้ายครั้งแรกก็สั่งห้ามไปแล้ว ยอมรับโกรธมากหลังรู้ว่าไปขับรถชนอีก แต่ก็สงสารเพราะเห็นลูกเสียใจและตกใจจนเกิดอาการเกร็ง ขณะที่ในเว็บไซต์รุมจวกซ้ำปล่อยให้ออกมาขับรถอีก พร้อมตำหนิกรมขนส่งทางบก ทำไมไม่ถอนใบอนุญาตขับขี่ เพราะส่วนใหญ่เข้าใจว่ายกเลิกใบขับขี่ไปตั้งแต่เกิดเรื่องครั้งแรกแล้ว

จากกรณีนายกัณฑ์พิทักษ์ ปัจฉิมสวัสดิ์ หรือ "หมูแฮม"

ลูกชายนายกัณฑ์เอนก ปัจฉิมสวัสดิ์ นักธุรกิจและนางสาวิณี ปะการะนัง อดีตนางสาวไทย ที่เคยเป็นข่าวใหญ่ขับรถเบนซ์เฉี่ยวกับรถประจำทาง แล้วทำร้ายคู่กรณีหัวแตก จากนั้นขับรถพุ่งชนคนบนฟุตปาธเสียชีวิตและบาดเจ็บหลายราย เมื่อวันที่ 4 ก.ค. 2550 ขณะนี้คดีอยู่ระหว่างพิจารณาในชั้นศาล ในข้อหาฆ่าคนตายและพยายามฆ่า ล่าสุดก็ขับรถเก๋งเฉี่ยวชนกับรถประจำทางปรับอากาศสาย 545 บนถนนลาดพร้าว และเกิดอาการช็อกไม่ยอมลงมาเจรจากับคู่กรณี ตำรวจต้องมาช่วยจัดการขับรถไปโรงพัก ก่อนที่นายกัณฑ์พิทักษ์ จะติดต่อบิดามาชดใช้ค่าเสียหายให้รถคู่กรณี ก่อนแยกย้ายกันไปนั้น

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 21 มี.ค. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่จุดปล่อยรถปอ. ตลาดเอกรุ่งโรจน์ ม.7 ต.บางเมือง อ.เมือง จ.สมุทรปราการ

พบนายสำเริง อาจคงหาญ อายุ 40 ปี บ้านเลขที่ 111 ม.5 ต.หนองนกแก้ว อ.เลาขวัญ จ.กาญจนบุรี คนขับรถปอ.สาย 545 คู่กรณีนายกัณฑ์พิทักษ์ ซึ่งประจำอยู่ที่อู่ดังกล่าว นายสำเริง เล่าถึงอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นว่าช่วงเกิดเหตุขับรถจากอู่นนทบุรี มุ่งหน้ามาสำโรง ระหว่างที่ขับรถมานั้นมีรถเก๋งเปลี่ยนเลนเข้ามาชนบริเวณข้างรถใกล้กับล้อหลัง จึงลงมาดูความเสียหาย แต่ไม่เห็นคู่กรณีลงจากรถยืนรออยู่นานมากแต่ก็ไม่ลงมาเสียที กระทั่งมีตำรวจจราจรเข้ามาดูเพราะรถติดขัดอย่างหนัก และบอกให้นำรถเข้าข้างทาง ก่อนที่จะมีคนมาเจรจาชดใช้ค่าเสียหายให้

"ส่วนที่คนขับคือนายกัณฑ์พิทักษ์ หรือ หมูแฮม ตอนแรกก็จำไม่ได้ แต่พอรู้ว่าเป็นคนที่เคยมีเรื่อง ก็รู้สึกเฉยๆ ผมคิดว่าไม่ผิดอะไรมากเพราะเป็นแค่รถเฉี่ยวกันแค่นั้นเอง คิดว่าเป็นเรื่องปกติ ใครผิดก็จ่ายเงินไปเท่านั้นเพราะไม่มีคนเจ็บอะไร และผมไม่ได้คุยกับเขาเลย ตอนที่ชนแล้วผมนั่งรออยู่บนรถ จากนั้นไม่นานก็มีคนมาจ่ายเงินเรื่องก็จบ และผมก็ไม่สนใจว่าเขาจะเป็นใคร ใครผิดก็ต้องว่ากันไปตามผิด" นายสำเริง กล่าวและว่า อย่างไรก็ตามจากที่ติดตามข่าวและเกิดเหตุในครั้งนี้ คิดว่าไม่น่าจะให้นายกัณฑ์พิทักษ์ ออกมาขับรถอีก

วันเดียวกันนายกัณฑ์เอนก ปัจฉิมสวัสดิ์ บิดาของ หมูแฮม ให้สัมภาษณ์ว่า
 
เหตุการณ์เมื่อวานนี้เหมือนอุบัติเหตุธรรมดาที่เกิดขึ้นกับใครก็ได้ ขณะนี้สั่งห้ามลูกชายขับรถอีกตลอดชีวิต ต่อไปจะให้คนขับรถเป็นคนขับให้ แต่ก็เกรงว่าอาจจะขโมยกุญแจนำไปปั๊มเพื่อเอารถออกไปขับอีกก็เป็นได้ เพราะหลังเกิดเหตุที่ลูกชายขับรถชนคนตาย เมื่อวันที่ 4 ก.ค.2550 ก็สั่งห้ามขับรถหากไม่จำเป็นแล้ว แต่ก็มาเกิดเรื่องขึ้นอีกจนได้ ยอมรับว่าโกรธมากที่รู้เรื่อง แต่ไม่ได้ตำหนิลูกชาย เพราะรู้ว่าเขาอยู่ในอารมณ์เสียใจ อยากให้สังคมเข้าใจครอบครัวของตนด้วย เพราะเกรงว่าเรื่องนี้จะทำให้ครอบครัวเสื่อมเสียชื่อเสียง

นายกัณฑ์เอนก กล่าวอีกว่า ส่วนอาการที่มีข่าวระบุว่า

หลังเกิดเหตุเกิดอาการตัวเกร็ง และไม่ยอมลงจากรถ มาตกลงค่าเสียหายกับคนขับรถ ปอ.นั้น เชื่อว่าอาจจะมาจากตกใจ และจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่รู้ว่าลูกชายมีอาการผิดปกติทางสมองหรือไม่ เนื่องจากแพทย์ที่ตรวจรักษาก็ยังไม่สามารถระบุได้เช่นกัน

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าหลังเกิดเหตุและเป็นข่าวออกไปอีกครั้ง ปรากฏว่าตามเว็บไซต์ต่างๆในอินเตอร์เน็ต มีกระทู้แสดงความคิดเห็นถึงกรณีที่เกิดขึ้น

ส่วนใหญ่จะแสดงความคิดเห็นในทางเดียวกันว่าไม่สมควรจะให้นายกัณฑ์พิทักษ์ ออกมาขับรถอีก บางความคิดเห็นเสนอแนะไปทางพ่อแม่ว่ามีฐานะร่ำรวยน่าจะจ้างคนขับรถได้โดยไม่เดือดร้อนอะไร และบางส่วนตำหนิไปถึงกรมการขนส่งทางบก กรณีออกใบขับขี่ให้นายกัณฑ์พิทักษ์ และว่าหลังเกิดเหตุร้ายขึ้นในครั้งแรกมีข่าวว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะพิจารณาถอนใบอนุญาตขับขี่ของนายกัณฑ์พิทักษ์ แต่ทำไมไม่ยอมดำเนินการ กลับปล่อยให้ออกมาขับรถบนท้องถนนจนเกิดเฉี่ยวชนขึ้นอีก