เร่งคลี่คดีสาวโปงลางสะออนหายตัวลึกลับ
กองปราบฯ จับแล้วเสี่ยเจ้าของโรงงานพลาสติก เชื่อมีส่วนเกี่ยวข้องในการหายตัว มั่นใจเสียชีวิตแล้ว ตรวจค้นห้องพัก "น้องอุ๋ย" พบคราบโลหิตจึงเก็บไปตรวจสอบ เผยหลักฐานสำคัญมีการนำบัตรเอทีเอ็มไปกดย่านอ่าวอุดม โดยมีผู้ต้องหาปรากฏตัวอยู่บริเวณนั้นด้วย ในขณะที่เสี่ยใหญ่ให้การปฏิเสธ แต่ยอมรับว่าอยู่กับ "น้องอุ๋ย" เป็นคนสุดท้ายก่อนที่จะหายตัวไป
เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 19 มี.ค. ที่กองปราบปราม พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผบก.ป. พร้อมด้วย พ.ต.อ.สมยศ พรมนิ่ม รอง ผบก.ป.
แถลงข่าวจับกุมนายชัยภัทร หรือ สมคิด กอธงชัย อายุ 43 ปี เสี่ยเจ้าของโรงงานพลาสติก อยู่บ้านเลขที่ 3/1 หมู่ที่ 1 ต.คอกกระบือ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ภายหลังกองปราบฯ นำโดย พ.ต.อ.กิตติศักดิ์ สุขวัฒน์ธนกุล ผกก.ฝป.10 และพ.ต.ท.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รอง ผกก.ช่วยราชการ ฝป.10 จับกุมตามหมายจับศาลอาญาที่ 936/2551 ข้อหากระทำการด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย, ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ได้ที่บริเวณถนนบรมราชชนนี แขวงอรุณอัมรินทร์ เขตบางกอกน้อย กทม. เมื่อวันที่ 18 มี.ค. ก่อนควบคุมตัวมาทำการสอบปากคำที่กองปราบปราม
ทั้งนี้ การจับกุมดังกล่าวสืบเนื่องจากเมื่อประมาณเดือน ต.ค. 2550
นางสุทธมาศ รักสมบัติ อายุ 46 ปี มารดาของ น.ส.ชลธิชา บรรเทาทึก หรือ "น้องอุ๋ย" อายุ 23 ปี บัณฑิตสาวจากสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ กระทรวงวัฒนธรรม อดีตแดนเซอร์ "โปงลางสะออน" ที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยจากห้องพักเลขที่ 308 ชั้น 8 รุ่งทรัพย์แมนชั่น ปิ่นเกล้า เลขที่ 121 ซอยสมเด็จพระปิ่นเกล้า 7 แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด กทม. ตั้งแต่วันที่ 4 ก.ค. 2550 ที่ผ่านมา
ต่อมาเมื่อวันที่ 22 ต.ค. พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์ สั่งการให้ทีมสืบสวนของกองปราบฯ พร้อมเจ้าหน้าที่จากกองพิสูจน์หลักฐาน
เข้าตรวจค้นห้องพักหมายเลข 308 ชั้น 8 รุ่งทรัพย์แมนชั่น ปิ่นเกล้า เลขที่ 121 ซอยสมเด็จพระปิ่นเกล้า 7 แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด เคยเป็นห้องพักของ น.ส.ชลธิชา จากการตรวจสอบภายในห้องพัก ที่ในปัจจุบันมีนักศึกษาเข้าพักอาศัยอยู่แทนนั้น พบว่ามีร่องรอยคราบโลหิตหลงเหลืออยู่บางส่วน จึงได้เก็บตัวอย่างไปตรวจสอบ นอกจากนี้ยังมีการนำรถยนต์เพื่อนชายคนสนิทของน.ส.ชลธิชา ไปตรวจสอบอย่างละเอียดด้วย เนื่องจากเชื่อว่ารถคันดังกล่าวได้ไปประสบอุบัติเหตุตกน้ำจนเสียหาย ภายหลังจาก น.ส.ชลธิชา หายตัวไปได้ไม่นานถูกนำไปซ่อมรักษาอยู่ที่อู่แห่งหนึ่ง ทีมสืบสวนตั้งข้อสันนิษฐานว่าอาจจะมีส่วนในการหายตัวไปของน.ส.ชลธิชาด้วย หลังจากที่มีการรวบรวมพยานหลักฐานจนเชื่อว่า นายชัยภัทรน่าจะเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของน.ส.ชลธิชา จึงขออนุมัติหมายศาลอาญาและเข้าทำการจับกุมตัวดังกล่าว
คลี่ปมสาวโปงลางหายลึกลับ-จับเสี่ยรง.
พ.ต.อ.สมยศ เปิดเผยว่า การคลี่คลายคดีนี้ถือว่าค่อนข้างยุ่งยากและซับซ้อนในการสืบสวน
เนื่องจากไม่สามารถพบตัวน.ส.ชลธิชา ในขณะที่ยังมีชีวิตหรือเสียชีวิตไปแล้ว โดยเชื่อว่าคนร้ายมีเจตนาปิดบังซ่อนเร้นอำพรางศพ ประกอบกับคดีนี้ทิ้งช่วงเวลามานานจึงทำให้การเสาะแสวงหาหลักฐานเป็นไปด้วยความลำบาก แต่ที่สุดแล้วจากการสืบสวนได้ไปพบหลักฐานเป็นบัตรเอทีเอ็มของน.ส.ชลธิชา ถูกนำไปใช้กดเงินจำนวน 10,000 บาท ที่บริเวณปั๊มน้ำมันเจ็ท ถ.ชลบุรี-ศรีราชา (อ่าวอุดม) จ.ชลบุรี เมื่อเวลา 17.37 น. วันที่ 8 ก.ค. 2550 หลังการหายตัวไปของน.ส.ชลธิชา ประมาณ 5 วัน นอกจากนี้ในการตรวจสอบยังพบว่า ช่วงเวลานั้น นายชัยภัทรได้ไปปรากฏตัวอยู่บริเวณปั๊มน้ำมันดังกล่าวด้วย เมื่อนำเอาหลักฐานต่างๆ ทั้งวัตถุพยานและพยานบุคคลมาพิจารณาแล้วเชื่อว่านายชัยภัทรน่าจะเกี่ยวข้องกับคดีนี้ จึงได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับพร้อมเข้าทำการจับกุมดังกล่าว
พ.ต.อ.สมยศ กล่าวต่อว่า หลังจากควบคุมตัวผู้ต้องหาได้แล้ว
เบื้องต้นจากการสอบสวนนายชัยภัทร ให้การปฏิเสธ อย่างไรก็ตามผู้ต้องหายังได้ให้การยอมรับว่าตนเองอยู่กับน.ส.ชลธิชา เป็นคนสุดท้าย ก่อนที่จะหายตัวไป ก็จะได้ดำเนินการสอบสวนขยายผลต่อไป ส่วนการติดตามหาตัว น.ส.ชลธิชานั้น ที่ผ่านมาได้มีการตรวจสอบไปในหลายพื้นที่ทั้งภาคตะวันออกและภาคใต้ ที่เชื่อว่าจะมีการนำร่างของน.ส.ชลธิชา ไปทำลาย แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีความคืบหน้า จึงอยากขอความร่วมมือไปยังพลเมืองที่พอจะทราบเบาะแสในเรื่องนี้ว่า ขอให้แจ้งข้อมูลมาที่กองปราบปรามด้วย
ด้านนางสุทธมาศ มารดาของ "น้องอุ๋ย" กล่าวว่า
รู้สึกดีใจที่กองปราบปรามช่วยเหลือ จนถึงขั้นตามจับกุมผู้ต้องสงสัยได้ในที่สุด ถึงแม้จะไม่ใช่คดีฆาตกรรมก็ตาม ส่วนตัวแล้วเชื่อว่าลูกสาวคงถูกฆ่าตายไปแล้ว เพระไม่เคยติดต่อกลับมาที่บ้านเลย ที่ผ่านมามีเพียงพบกันในความฝันเท่านั้น เพราะเขามาเข้าฝันเป็นประจำ เพื่อบอกเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตัวเขาทำให้รู้สึกสงสารลูกมาก ขณะนี้ตนแค่อยากรู้ว่าเขาเอาร่างของลูกสาวไปไว้ไหนก็พอแล้ว เพื่อที่จะขอนำเอาร่างของเขากลับไปทำประกอบพิธีทางศาสนา ให้เขาไปอย่างสงบแค่นี้ก็พอใจแล้ว ไม่อยากจะคิดอะไรมากไปกว่านี้ เพราะใครทำอะไรไว้ก็ขอให้ชดใช้กรรมกันไปก็แล้วกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนายชัยภัทรและน.ส.ชลธิชานั้น
จากการสอบสวนทราบว่า ทั้งคู่ได้รู้จักกันตั้งแต่เดือน มี.ค. 2548 ที่ผับดังแห่งหนึ่งย่านบางพลัด โดยขณะนั้น น.ส.ชลธิชาทำงานพิเศษเป็นแดนเซอร์ ต่อมาได้คบหาและติดต่อกับนายชัยภัทร ที่มาทำหน้าที่ขับรถรับส่งระหว่างที่ น.ส.ชลธิชาไปรับงานรำไทย พิธีกร และแดนเซอร์ นอกจากนี้ยังคอยช่วยเหลือออกค่าเช่าห้อง รวมทั้งค่าการศึกษาจำนวนหนึ่งให้ด้วย มาระยะหลัง น.ส.ชลธิชาเริ่มออกเที่ยวหนัก จนก่อนวันเกิดเหตุประมาณวันที่ 3 ก.ค. น.ส.ชลธิชาไปเที่ยวทะเลกับเพื่อน เมื่อกลับมาก็มีเกิดมีปากเสียงกับนายชัยภัทรอย่างรุนแรง หลังจากนั้นก็ได้หายตัวไป
ต่อมา นางสุทธมาศ มารดา ทราบข่าวก็เลยเข้าแจ้งความไว้ที่สภ.ต.พัทยา และที่กองปราบปราม
ส่วนตัวนายชัยภัทรหลังจากเจ้าหน้าที่แจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบแล้ว เบื้องต้นจากการสอบสวนผู้ต้องหาได้ให้การปฏิเสธ หลังจากนั้นจึงได้ใช้ตำแหน่งหน้าที่ทางราชการของญาติรายหนึ่ง มายื่นขอประกันตัวออกไป โดยพนักงานสอบสวนได้ให้อนุมัติการประกันตัวและปล่อยกลับไป