พล.ต.ท.ธานี ทวิชศรี ผบช.ภ.8 กล่าวถึงการแกะรอย ล่าคนร้ายว่า
หลังเกิดเหตุได้ระดมตำรวจลงหาข่าวในพื้นที่ รวมทั้งสอบสวนพยานละแวกที่เกิดเหตุ 12 ปาก เป็นช่างภาพ ชาวรัสเซีย 1 คน สามีภรรยาชาวรัสเซีย และชาวบ้าน ให้การสอดคล้องกันว่า เห็นนายอัครเดชนั่งตกปลาใกล้จุดที่ น.ส.ฮานนานอนอาบแดด บริเวณชายหาดไม้ขาว และทราบว่า นายอัครเดชนั่งรถทัวร์พาลูกสาวไปส่งบ้านเมียเก่า ที่ จ.ชุมพร ในวันที่ 16 มี.ค. หลังเกิดเหตุวันเดียว จึงนำกำลัง เข้าตรวจค้นบ้านนายอัครเดช พบเสื้อผ้าที่นายอัครเดชใส่ ในวันเกิดเหตุ กับมีดปลายแหลม ซึ่งคาดว่าเป็นมีดสื่อมรณะ 1 เล่ม โดยเมียของนายอัครเดชบอกว่า ก่อนออกไปส่งลูก นายอัครเดชมีท่าทางลุกลี้ลุกลนเป็นพิรุธ และยังมีบาดแผลถูกมีดบาดที่มือหลายแห่ง ทำให้มั่นใจว่าเป็นคนร้าย
ผบช.ภ.8 กล่าวต่อว่า จากนั้นได้ประสานตำรวจกองปราบปราม และตำรวจท่องเที่ยว ระดมกำลังไล่ติดตามไปที่ จ.ชุมพร แต่คลาดกัน
ซึ่งเมียเก่าของนายอัครเดช แจ้งว่านายอัครเดช จะไปหาเพื่อนที่ จ.ระนอง จึงประสานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองระนอง สกัดไม่ให้หนีข้ามไปเกาะสอง ฝั่งพม่า พร้อมปูพรมออกค้นหาตามแหล่งที่นายอัครเดชอาจไปหลบซ่อน แต่ไม่พบวี่แวว ขณะเดียวกันชุดสอบสวนก็ขออนุมัติศาลออกหมายจับนายอัครเดช ขณะเดียวกัน พ.ต.ท.สมคิด บุญรัตน์ หัวหน้าชุดไล่ล่า ทราบว่านายอัครเดชโทรศัพท์ติดต่อกับนายนนท์ ผู้เป็นพ่อ ตลอดเวลา จึงเข้าไปขอความร่วมมือจากนายนนท์ให้เกลี้ยกล่อมนายอัครเดชเข้ามอบตัว ซึ่งนายนนท์ยอมตกลง พร้อมเผยว่านายอัครเดช ก็อยากเข้ามอบตัว แต่กลัวถูกลงโทษประหาร จากนั้นได้พยายามหว่านล้อม จนทราบว่านายอัครเดชหนีไปอยู่เกาะสอง ฝั่งพม่าแล้ว นายนนท์จึงบอกให้ข้ามกลับมาที่บ้านเพื่อนที่บ้านน้ำแดง หมู่ 5 ต.น้ำจืดน้อย อ.กระบุรี จ.ระนอง
พล.ต.ท.ธานี ทวิชศรี ผบช.ภ.8 กล่าวว่า หลังทราบแหล่งกบดาน
พ.ต.ท.สมคิด ได้รายงาน พล.ต.ต.ธวัชชัย บุญเฟื่อง รอง ผบช.ภ.8 นำรถตู้ 2 คัน รถปิกอัพสายตรวจ 1 คัน พร้อมกำลังชุดสืบสวน นำนายนนท์พ่อผู้ต้องหา กับญาติจำนวนหนึ่ง ไปยังบ้านดังกล่าว พร้อมประสาน พล.ต.ต.อภิรักษ์ หงษ์ทอง ผบก.ภ.จ.ระนอง วางกำลังปิดล้อมบ้านดังกล่าวเตรียมชาร์จเข้าจับกุม โดยให้นายนนท์ กับญาติเข้าไปเกลี้ยกล่อมนายอัครเดชก่อน จนเวลาตีหนึ่งเศษ นายอัครเดช ถึงยอมเดินออกมามอบตัวแต่โดยดี ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา
ผบช.ภ.8 กล่าวอีกว่า จากการสอบสวนนายอัครเดช ผู้ต้องหาให้การว่า ขณะนั่งตกปลาที่ริมทะเล เห็น น.ส. ฮานนา ผู้ตาย นุ่งบิกินีนอนอาบแดดบนชายหาดหน้าไม้ขาวบังกะโล ทำให้เกิดอารมณ์
เลยทำทีไปซื้อน้ำดื่มที่บังกะโลเดินผ่านจุดที่ผู้ตายนอนอาบแดด น.ส.ฮานนา จึงลุกขึ้นเดินเล่นเลาะชายหาด นายอัครเดชแกล้งเดินล้ำหน้าไปดักรอที่จุดเกิดเหตุซึ่งเป็นที่เปลี่ยวห่างไม้ขาวบังกะโล ราว 700 เมตร กระทั่ง น.ส.ฮานนา เดินสวนทางมา พอคล้อยหลังนายอัครเดชก็เข้าล็อกคอใช้มีดจี้ชายโครงลงมือปลุกปล้ำ แต่เหยื่อสาวขัดขืน เลยจ้วงแทงชายโครงซ้าย จนเกิดการต่อสู้ชุลมุน กระทั่งผู้ตายล้มลง นายอัครเดช ก็จ้วงแทงคอ 2 แผลจนแน่นิ่ง แล้ววิ่งไปขี่รถจักรยานยนต์ที่จอดห่างไปราว 70 เมตร หนีกลับบ้าน ก่อนจะออกอุบายพาลูกสาวไปส่งบ้านเมียเก่าแล้วหลบหนีไป กระทั่งตำรวจตามรวบตัวได้ดังกล่าว
หลังการแถลงข่าวนายไมตรี นฤขัตพิชัย นายกสมาคม ธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต ได้มอบเงินรางวัลนำจับ 100,000 บาท ให้กับ พล.ต.ท.ธานี ทวิชศรี ผบช.ภ.8 มอบต่อนายนนท์ พ่อผู้ต้องหา
ที่ช่วยเกลี้ยกล่อมนายอัครเดชจนยอมมอบตัว ขณะเดียวกันนายอัครเดช ได้ไหว้นางคริสตินา พาล์ม กงสุลสวีเดนประจำจังหวัดภูเก็ต เพื่อขอขมาผู้ตายและครอบครัวด้วย นางคริสตินา พาล์ม กงสุลใหญ่สวีเดนประจำจังหวัดภูเก็ต ได้กล่าวขอบคุณตำรวจไทยที่เร่งติดตามจับกุมคนร้ายได้โดยเร็ว และจะได้พูดคุยทำความเข้าใจกับชาวสวีเดน เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าเป็นเหตุสุดวิสัย เชื่อว่า เรื่องดังกล่าวจะไม่มีผลกระทบต่อการท่องเที่ยวไทยในภาพรวม เพราะอีก 2-3 เดือน จะมีนักท่องเที่ยวสวีเดน มาเที่ยวพักผ่อนที่ จ.ภูเก็ต จำนวนมาก
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้คุมตัวนายอัครเดชไปทำ แผนประกอบคำรับสารภาพ
ในที่เกิดเหตุ โดยมีชาวบ้านละแวกที่เกิดเหตุกว่า 300 คน มุงดูด้วยความสนใจพร้อมโห่ไล่นายอัครเดช สลับกับเสียงสาปแช่งด้วยความไม่พอใจในพฤติกรรมของนายอัครเดช ที่ทำลายภาพพจน์การท่องเที่ยว และเสียชื่อคนภูเก็ต จนต้องสั่งระดมตำรวจ และ นปพ.ภูเก็ต กว่า 100 นาย เข้าควบคุมสถานการณ์เกรงชาวบ้านรุมประชาทัณฑ์ผู้ต้องหา ซึ่งการทำแผนเริ่มตั้งแต่จุดที่นายอัครเดช นั่งตกปลามอง น.ส.ฮานนา นอนอาบแดด กระทั่งตามไปดักรอในจุดเกิดเหตุใช้กำลังปลุกปล้ำจนเกิดการต่อสู้กระทั่งแหม่มสาวถูกแทงตาย โดยใช้เวลาทั้งสิ้น 1 ชั่วโมง จึงแล้วเสร็จ ก่อนจะนำผู้ต้องหาไปควบคุมตัวที่ สภ.ท่าฉัตรไชย เพื่อดำเนินคดีต่อไป สำหรับนายอัครเดชอยู่ ระหว่างประกันตัวสู้คดีในข้อหาลักเช็คของนายคอลลิน เมคเคย์ นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ ไปขึ้นเงิน เมื่อปี 2548 ท้องที่ สภ.ต.เชิงทะเล อ.ถลาง