จุดเกิดเหตุอยู่ด้านล่างหลังสุดของบ้าน
ซึ่งแบ่งเป็นเตียงนอนของนายโอฬาร กรกมลรัตน์ อายุ 60 ปี ป่วยเป็นอัมพาตถูกคนร้ายซึ่งมีอาการมึนเมาใช้ขาทับบริเวณลำคอพร้อมกับใช้อาวุธมีดจี้คอตลอดเวลา เจ้าหน้าที่จึงได้พยายามเข้าเกลี้ยกล่อมแต่ไม่เป็นผล นอกจากนี้คนร้ายยังไปดึงสายแก๊สหุงต้มหลุด พร้อมขู่ว่าหากเจ้าหน้าที่เข้ามาจะเปิดแก๊สและจุดไฟเผา เเจ้าหน้าที่ใช้เวลาเกลี้ยกล่อมอยู่นานแต่ก็ไม่เป็นผล ประกอบกับดูจากสถานที่แล้วไม่สามารถที่จะเข้าชาร์ตตัวได้ เนื่องจากหน้าต่างบ้านมีเหล็กดัดและประตูเหล็กถูกล็อค ไม่มีใครสามารถมาเปิดประตูให้ได้ เนื่องจากเกรงว่านายโอฬารจะถูกทำร้าย เจ้าหน้าที่จึงตัดสินใจนิมนต์หลวงพ่ออนันต์ สิรานันโต วัดชนะสงคราม คณะ 10 มาช่วยเกลี้ยกล่อมนานประมาณ 30 นาที กระทั่งคนร้ายใจอ่อน ยอมปล่อยให้นายโอฬารเป็นอิสระ ก่อนที่จะออกมากราบหลวงพ่อและหลวงพ่อก็จูงมือชายคนดังกล่าวออกมาจากที่เกิดเหตุ โดยในมือของคนร้ายยังคงถือมีดปลอกผลไม้ไว้ในมือ ระหว่างที่เดินออกนั้นได้มีบรรดาชายฉกรรจ์ซึ่งเป็นไทยมุงที่มายืนมุงต่างกรูกันเข้าไปหวังรุมสกัม เจ้าหน้าที่ต้องรีบกันตัวออกมาอย่างทุลักทุเล ก่อนจะควบคุมตัวมาสอบปากคำที่ สน.ชนะสงคราม รวมแล้วเจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลาในการเกลี้ยกล่อมนานกว่า 2 ชั่วโมง
จากการสอบสวนคนร้ายให้การวกไปวนมาว่า
ชื่อนายบุญยืน โพธิ์ขำ หรือตุ่น อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 96 ม.3 ต.วังแขม อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร อาชีพเก็บของเก่า ก่อนเกิดเหตุได้ดื่มเหล้าขาวจนเมาแล้วเดินเล่นข้างกำแพงวัดบวรนิเวศน์ แต่มีเจ้านหน้าที่ตำรวจสายตรวจเรียกให้หยุดเพื่อตรวจค้น รู้สึกกลัวจึงวิ่งหนีเข้ามาในวัด ก่อนจะจะปีนขึ้นไปบนหลังคาของอาคารพาณิชย์ดังกล่าว แต่หลังคาเกิดแตกทำให้ตนหล่นลงมาบนชั้น 2 ของบ้านผู้เสียหาย จึงรีบวิ่งลงมายังชั้นล่างเพื่อจะออกทางหลังบ้าน แต่ปรากฏว่าประตูหลังซึ่งเป็นประตูลูกกรงเหล็กถูกปิด ประกอบกับระหว่างนั้นได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มาตรวจสอบ ตนเห็นมีนายโอฬาร นอนอยู่บนเตียงใกล้กับประตูจึงได้คว้ามีดเพื่อจับเป็นตัวประกัน
“ตอนนั้นผมทำไปเพราะกลัวว่าจะถูกตำรวจจับ ที่ขึ้นไปบนหลังคาก็เพื่อหนี แต่หลังคาเกิดแตกทำให้หล่นลงมา และคนในบ้านได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงต้องจับนายโอฬารเป็นตัวประกัน ผมไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง อาศัยทำงานและหาที่นอนไปวัน ๆ ก่อนหน้านี้ผมเคยถูกจับในข้อหาลักทรัพย์ ท้องที่ สภ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร มาก่อนเนื่องจากไปลักลวดทองแดง ที่มีคนปลอกทิ้งไว้เตรียมชั่งกิโลขาย ไปขายนำเงินมาใช้จึงถูกจับ”นายบุญยืนกล่าว
ด้านนางนุดทยา ม่วงพารา อายุ 40 ปี บุตรสาวของนายโอฬาร กล่าวว่า
ตนและครอบครัวจะดำเนินคดี เนื่องจากการกระทำอุกอาจอีกทั้งบิดาของตนก็ป่วยเป็นอัมพาตและยังมีโรคหัวใจ และโรคอื่น ๆ อีก หากเป็นอะไรไปจะทำอย่างไร เรื่องนี้ตนทราบจากน้องสาวว่า ขณะเกิดเหตุมีคนอยู่ในบ้านทั้งหมด 3 คน คือ น้องสาวที่อยู่บนห้องพักชั้นบน มารดา และบิดา ก่อนหน้านั้นน้องสาวได้ยินเสียงเหมือนของหล่นมาจากหลังคาจึงเปิดประตูออกไปดูเห็นหลังคาเป็นรู ประกอบกับพบมารดาด้านนอก ซึ่งเห็นหลังคนร้ายวิ่งลงไปข้างล่าง น้องสาวจึงได้ดึงมารดามาหลบในห้องนอนก่อนจะโทร.แจ้งเจ้าหน้าที่ให้มาตรวจสอบ จนบิดาถูกจับเป็นตัวประกันดังกล่าว คนร้ายก็ขู่ทำร้ายบิดา พร้อมยังขู่หากเจ้าหน้าที่เจ้ามาจะเปิดแก๊สแล้วจุดไฟเผาบ้านและบิดาตน จึงไม่มีใครกล้าเข้าไป
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จะสอบปากคำก่อนทำการแจ้งข้อหา กักขังหน่วงเหนี่ยวเป็นเหตุให้ผู้อื่นสูญเสียอิสรภาพ และบุกรุกเคหะสถานยามวิกาล