โถ!น่าสงสาร"กระเทยเสก"ร่ำไห้สารภาพ ไม่ตั้งใจฆ่าพ.ต.ท.-จะเอาเงินไปให้ลูกเรียน
นายเสกสรรค์ คำวงษ์ อายุ 36 ปี กระเทยแสบโดย ทีมข่าวอาชญากรรม ผู้จัดการออนไลน์ 19 พฤษภาคม 2549 23:39 น.
"เสกสรรค์สุดแสบ" ร่ำไห้สารภาพไม่ได้ตั้งใจฆ่าสารวัตรสืบโรงพักตลาดพลู เพียงแค่ต้องการให้สลบแล้วปลดทรัพย์เอาไปเป็นค่าเล่าเรียนให้ลูกบุญธรรม เลยออกล่าเหยื่อ แล้วมาจ๊ะเอ๋สารวัตรที่ผับ ก่อนลงเอยที่ม่านรูด เผยวิธีเคี้ยวยาแล้วบ้วนลงกระป๋องเบียร์แล้วออดอ้อนให้เหยื่อกิน รับโดนสารวัตรกล่อมให้เป็นสายล่อซื้อยาเสพติดให้ เล่าชีวิตตัวเองหลังแปลงเพศเคยประกวดนางงามจนได้เป็น "ธิดาพญาแล" เมื่อปี 36 แล้วลงเอยใช้ชีวิตคู่กับตำรวจนายหนึ่ง แต่โดนจับได้ว่าเป็นของเทียมเลยถูกทิ้ง
ความคืบหน้าในการติดตามจับกุมตัวนายเสกสรรค์ คำวงษ์ อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 94/2 ต.บ้านเขว้า อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ กระเทยแสบวางยาสังหาร พ.ต.ท.ชนินทร์ บุนนาค สว.สส.สน.ตลาดพูล เสียชีวิตภายในโรงแรมม่านรูด สุขสวัสดิ์ 19 อินน์ ซอยสุขสวัสดิ์ 19 นั้น เมื่อเวลา 15.30 น.วันนี้ (19 พ.ค.) พ.ต.อ.ไกรเลิศ บัวแก้ว ผกก.สน.ราษฎร์บูรณะ พ.ต.ท.สมบัติ มิลินทจินดา รอง ผกก.สส.บก.น.8 พ.ต.ท.ศักดิ์ชาย สุวรรณนุกูล สว.สส.สน.ราษฎร์บูรณะ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 1 นำหมายจับศาลอาญาธนบุรี เลขที่ จ.1194/2549 ลงวันที่ 18 พ.ค.ในข้อหาชิงทรัพย์ เข้าจับกุมนายเสกสรรค์ ที่โรงแรม 999 ลพบุรีอินน์ ห้อง เอ 5 ต.พระงาม อ.เมือง จ.ลพบุรี
โดยสามารถจับกุมได้ขณะที่ผู้ต้องหากำลังนุ่งผ้าเช็ดตัวอยู่ผืนเดียว พร้อมของกลางอาวุธปืน บาเร็ตต้า ขนาด.22 สีดำ จำนวน 1 กระบอก สิงห์เลี่ยมทอง 1 ตัว โทรศัพท์มือถือ จำนวน 3 เครื่อง วิทยุสื่อสารของของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จำนวน 1 ตัว ขวดยายี่ห้อโซแลม 1.0 จำนวน 1 กระปุก และเสื้อผ้าชุดที่ใส่ในวันที่เกิดเหตุ เสื้อยืดรัดรูปลายเสือ กงาเกงยีนส์ นอกจากนี้ยังพบรถกระบะ ยี่ห้อมิตซุบิชิ สตราด้า สีบรอนซ์ แบบแคบ หมายเลขทะเบียนเดิม ณง-6523 กทม.ตัวอักษษรสีเขียว แต่ถูกผู้ต้องหาดัดแปลงแก้ไขเป็น ณง-0523 กทม.โดยใช้สีแต้มตัวอักษรให้เป็นสีดำ แล้วเปลี่ยนเลข 6 เป็น เลข 0 จอดอยู่บริเวณหน้าห้องพัก
จากนั้นเวลา 18.30 น.เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวนายเสกสรรค์ กลับเข้ามาสอบปากคำที่ กก.สส.บก.น.8 โดยมี พล.ต.ท.วิโรจน์ จันทรงษี ผบช.น.พล.ต.ต.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น พล.ต.ต.เจตน์ มงคลหัตถี รอง ผบช.น.พล.ต.ต.ชาลี เวชรัชต์พิมลพิมล ผบก.น.8 พ.ต.อ.อภิชาติ เชื้อเทศ พ.ต.อ.สาโรจน์ พรหมเจริญ รอง ผบก.น.8 และ พ.ต.อ.จีระศักดิ์ ขำคง ผกก.สส.น.8 ร่วมทำการสอบปากคำ
หลังจากใช้เวลาสอบปากคำประมาณ 30 นาที นายเสกสรรค์ ก็นั่งร่ำไห้เปิดเผยต่อสื่อมวลชนว่า ความจริงแล้วตนเองไม่ได้ตั้งใจที่จะฆ่า พ.ต.ท.ชนินทร์ ตนเพียงแต่ต้องการหาเงินค่าเล่าเรียนหนังสือให้ลูกบุญธรรมเท่านั้น โดยตนคิดหาเงินด้วยการลวงเหยื่อไปร่วมหลับนอน แล้ววางยาเพื่อปลดทรัพย์ ในวันเกิดเหตุตนเองตัดสินใจเข้าไปเที่ยวที่โพไซดอนผับ ชั้นใต้ดินของธนบุรีพลาซ่า ซึ่งเป็นการเข้าไปเที่ยวที่นั่นเป็นครั้งแรกเพื่อหาเหยื่อ ระหว่างที่นั่งอยู่ในผับนั้น พ.ต.ท.ชนินทร์ ก็ให้เด็กในร้านมาเชิญไปนั่งร่วมโต๊ะกัน
ขณะที่นั่งร่วมโต๊ะกันอยู่นั้นตนก็พอจะรู้ว่า พ.ต.ท.ชนินทร์ เป็นตำรวจ เพราะสังเกตุเห็นเด็กในร้านเรียกว่า "นาย" ซึ่งหลังจากที่คุยกันไปได้สักพัก ตนก็รู้สึกว่าคุยกันถูกคอ ในใจก็คิดที่ว่าได้เหยื่อที่จะรูดทรัพย์แล้ว จากนั้น พ.ต.ท.ชนินทร์ ก็ชวนตนไปเที่ยวต่อกันที่ ร้านกอหญ้าคาราโอเกะ โดยช่วงที่นั่งอยู่ที่ร้านพ.ต.ท.ชนินทร์ ก็สอบถามตนว่า มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องยาเสพติดหรือไม่ และพยายามจะให้เป็นสายติดต่อล่อซื้อยาเสพติดให้ตลอดเวลา แต่ตนยังไม่ได้รับปากอะไร
นายเสกสรรค์ กล่าวต่อว่า หลังจากเสร็จจากร้านกอหญ้า ก็พากันไปต่อที่โรงแรมสุขสวัสดิ์ 19 อินน์ ซอยสุขสวัสดิ์ 19 ที่เกิดเหตุ จากนั้นโดยพ.ต.ท.ชนินทร์ เป็นคนสั่งเบียร์มาดื่ม ระหว่างนั้นตนเองก็แอบเคี้ยวยาโซแลม 1 เม็ด แล้วอมไว้ในปาก ก่อนจะทำทียกเบียร์มาดื่ม แล้วบ้วนยากลับลงไปในกระป๋องเบียร์ ก่อนที่จะพยายามแล้วพยายามอ้อนให้ พ.ต.ท.ชนินทร์ ดื่มจนหมด
นายเสกสรรค์ กล่าวต่อว่า หลังจากมีเพศสัมพันธ์กัน 1 ครั้ง ตนเองก็ไปเข้าห้องน้ำ เมื่ออกมาก็เห็น พ.ต.ท.ชนินทร์ นอนคว่ำหน้าคุยโทรศัพท์โดยมีท่าทางหมดเรี่ยวแรง ตนจึงคิดว่ายาออกฤทธิ์แล้ว จึงรอให้หมดสติ จากนั้นจึงรีบเก็บทรัพย์สินของ พ.ต.ท.ชนินทร์ ทั้งหมด ขับรถของ พ.ต.ท.ชนินทร์ ออกไปหาญาติที่ซอยสุขุมวิท 71
หลังจากนั้นวันรุ่งขึ้นขับรถไปหาผู้คุมเรือนจำที่รู้จักสมัยตอนที่ติดคุกที่ จ.สระบุรี จากนั้นไปห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งเพื่อหาซื้อเสื้อผ้ามาเปลี่ยน เมื่อซื้อเสร็จกลับไปที่บ้านผู้คุม กินข้าวด้วยกัน จากนั้นทิ้งปืนไว้ที่บ้านผู้คุม แล้วก็ตัดสินใจขับรถกลับมาหาญาติที่ จ.ปทุมธานี แต่ระหว่างทางเกิดสังหรณ์จึงใจขับรถหนีมาที่ จ.ลพบุรี เปิดโรงแรมพัก 2 คืน จนกระทั่งถูกเจ้าหน้าที่บุกมาจับกุมในที่สุด
"ชิวิตฉันหนีออกจากบ้านตั้งแต่ 10 ขวบ พออายุ 18 ก็ไปแปลงเพศมาเป็นผู้หญิง เข้าประกวดนางงามตามเวทีต่างๆ จนกระทั่งปี 2536 ก็ได้ตำแหน่ง ธิดาพญาแล หลังจากนั้นก็มาได้สามีเป็นตำรวจอยู่ที่ จ.สระบุรี แต่ฉันมีลูกไม่ได้ เลยไปขอเด็กมาเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรม 2 คน แต่ตอนหลังถูกสามีจับได้ว่า เป็นกระเทยแปลงเพศมา เขาก็ขอเลิก" นายเสกสรรค์ กล่าวทั้งน้ำตา
ด้าน พ.ต.อ.ไกรเลิศ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจสน.ราษฎร์บูรณะพร้อม พ.ต.อ.จีระศักดิ์ ผกก.สส.บก.น.8 ได้ประชุมร่วมกันวางแผนจับกุมตัวคนร้ายที่ก่อเหตุ โดยตรวจสอบการใช้โทรศัพท์ของ พ.ต.ท.ชนินทร์ ที่คนร้ายเอาไปด้วย อยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งทราบว่า จุดสุดท้ายที่คนร้ายใช้โทรศัพท์ในวันนี้นั้นอยูที่ย่าน อ.วังน้อย จ.พระนครอยุธยา จึงประสานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 1 พร้อมทั้งนำกำลังไปติดตามจับกุม จนกระทั่งได้รับแจ้งว่า คนร้ายได้ทิ้งอาวุธปืนไว้กับผู้คุมในเรือนจำที่ จ.สระบุรี จึงเดินทางไปเอาอาวุธปืนของกลาง
พ.ต.อ.ไกรเลิศ กล่าวต่อว่า จากนั้นก็ทางเจ้าหน้ที่พบว่า คนร้ายได้หลบหนีเข้าไปใน จ.ลพบุรี แล้วจึงแบ่งกำลังออกเป็น 3 ชุด มีตนเองนำทีม 1 ชุด พ.ต.ท.ศักดิ์ชาย นำทีม 1 ชุด และ พ.ต.ท.สมบัติ อีก 1 ชุด กระจายกำลังกันออกติดตามจับกุมตัวตามสถานที่ต่างๆที่คาดว่า คนร้ายจะไปกบดานอยู่ จนกระทั่งมาถึงโรงแรม 999 ลพบุรีอินน์ ก็พบรถของ พ.ต.ท.ชนินทร์ จอดอยู่ในโรงแรมดังกล่าว แต่เพียงทะเบียนถูกคนร้ายแก้ไขไปเท่านั้น ทางเจ้าหน้าที่จึงเข้าไปติดต่อกับทางโรงแรมเพื่อสอบถามหาตัวนายเสกสรรค์ ก็ทราบว่า นายเสกสรรค์มาพักอยู่ที่ห้อง เอ 5 จริง และกำลังโทรสั่งกระทิงแดงพอดี เจ้าหน้าที่จึงใช้กุญสำรองไขเข้าไปจับกุม
ด้าน พล.ต.ท.วิโรจน์ กล่าวว่า เบื้องต้นผู้ต้องหารับสารภาพว่า ไม่ได้ตั้งใจวางยาฆ่า พ.ต.ท.ชนินทร์ เพียงแต่ต้องการนำเงินไม่เป็นค่าเล่าเรียนให้กับลูกบุญธรรม แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของผู้ต้องหา ซึ่งหลังจากนี้จะทำการสอบสวนขยายผลเพิ่มเติมในบางประเด็นที่เจ้าหน้าที่ยังสงสัยอยู่ และในวันพรุ่งนี้ (20 พ.ค.) เวลา 09.00 น.จะนำตัวผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพยังจุดเกิดเหตุ