โดยมีเหตุการณ์รถบรรทุก 10 ล้อเฉี่ยวชนรถ จยย.คนงานในโรงงานบาดเจ็บสาหัส
นายพนมอาสาไปไกล่เกลี่ยให้รถบรรทุกสิบล้อจ่ายเงินค่ารักษาให้ แต่กลับถูกท้าทายให้ไปฟ้องร้องและขู่จะทำร้าย จึงผูกใจเจ็บกับพวกรถบรรทุกเรื่อยมา นอกจากนี้ ยังพูดถึงปัญหาครอบครัวว่าภรรยาชื่อนางอุไร ศตสังวัตสร์ ที่ทำงานอยู่ด้วยกันกำลังบอกเลิกขอแยกทาง ทำให้นายพนมกลุ้มใจมาก ทั้งที่นายพนมได้เลิกกับภรรยาเก่ามา 2 ปี เพื่อมาอยู่กับนางอุไร แต่นางอุไรกลับจะมาบอกเลิกไปอีกคน เพื่อนๆที่นั่งกินเหล้าด้วยกันก็พยายามปลอบใจพร้อมทั้งสั่งเหล้ามาดื่มกินเต็มที่ จนเมาได้ที่ก็แยกย้ายกันกลับบ้าน
ผบช.ภ.7 กล่าวต่อไปว่า หลังทราบข้อมูลทั้งหมด ตำรวจได้เดินทางไปที่บ้านนางอุไร ภรรยาของนายพนม
ที่บ้านเลขที่ 61 หมู่ 4 ต.เขาย้อย อ.เขาย้อย จ.เพชรบุรี พบเพียงนางอุไร เล่าว่า ตอนเย็นวันที่ 8 มี.ค. หลังเลิกงาน นายพนมขี่รถ จยย.มาส่งที่บ้าน แล้วบอกว่าจะไปทำโอทีต่อ จากนั้นก็ขี่รถ จยย.ออกไป และกลับมาอีกครั้งตอนเช้าวันที่ 9 มี.ค. จึงถามว่าไปนอนที่ไหนมาถึงมารับสาย จนไม่ได้ทำงาน และเกิดการทะเลาะกันขึ้น ถึงขั้นตนบอกขอเลิก ทำให้นายพนมโกรธและหุนหันขี่รถ จยย.ออกไป โดยไม่รู้ว่าไปไหน ตำรวจจึงกระจายกำลังออกตามล่าตัว
กระทั่งตอนเช้าวันเดียวกันนี้ ก็มีคน ไปพบศพนายพนมกินยาฆ่าตัวตายอยู่ในโรงแรมดังกล่าว
และเพื่อเป็นการยืนยันว่าตำรวจไม่ได้จับแพะ จึงนำตัว ผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดมาแถลงเพื่อเล่าเหตุการณ์ทั้งหมด เมื่อนำมาประกอบกันจึงเชื่อแน่ว่านายพนมเป็นคนใช้หินขว้างรถบรรทุกทำให้น้องมอสเสียชีวิต จากปากคำพยานทั้งหมดสอดคล้องกัน โดยมี 2 พ่อลูกที่นายพนมไปนอนค้างและเล่าเหตุการณ์ให้ฟัง ตำรวจได้สอบสวนยืนยันแล้วทุกอย่างสอดคล้องกันหมด
ด้านนายสนิท สายเพ็ชร์ พ่อน้องมอสเผยว่า หลังจากได้ฟังพยานเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ฟังแล้วรู้สึกสบายใจ
น้องมอสจะได้ไปสู่สรวงสวรรค์ ในครั้งแรกก็โกรธแค้นคนทำและอยากรู้ว่าเป็นใคร อยากถามด้วยว่าทำเพื่ออะไร คิดว่าหากตำรวจจับได้ก็จะให้มาขอขมาศพลูกชาย แต่เมื่อผู้กระทำเสียชีวิตไปแล้วก็จะอโหสิกรรมให้ เขาได้ชดใช้เวรกรรมที่ก่อขึ้นแล้ว ถือว่าสำนึกได้ ชดใช้กรรมด้วยการประหารตัวเองตายไป หลังงานเผาศพน้องมอสแล้วจะไปจุดธูปหน้าศพคนปาหินฆ่าลูก อยากดูหน้าว่าเป็นใคร และจะบอกว่าอโหสิกรรมให้ อย่ามา รบกวนหรือจองเวรจองกรรมกันอีกเลย
“ขอวิงวอนให้วัยรุ่นวัยคะนองทุกคนอย่าสร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่นโดยวิธีปาก้อนหินใส่รถแบบนี้อีก เพราะลูกผมและผมเป็นคนทำมาหากินไม่เคยสร้างความเดือดร้อนหรือเอาเปรียบใคร และไม่เคยมีเรื่องความโกรธเคืองต่อกัน ผมสูญเสียลูกมอสไปครั้งนี้ก็ขอให้เป็นรายสุดท้าย อย่าคิดทำกันแบบนี้อีกเลย” นายสนิท พ่อผู้สูญเสียกล่าวในตอนท้าย
ต่อมาเวลา 19.00 น. ญาติได้นำศพนายพนม มาตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดหนองตาเสือ หมู่ 5 ต.กุยบุรี อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์
โดยมี น.ส.หทัยกาญจน์ อินทกูล อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 3/2 หมู่ 5 ต.กุยบุรี พี่สาวและญาติมาร่วมงาน บรรยากาศเป็นอย่างเศร้าสลด ทั้งนี้ น.ส.หทัยกาญจน์เปิดเผยว่า ญาติไม่เชื่อว่าสาเหตุที่น้องชายเสียชีวิตจะมาจากการปาหินใส่รถบรรทุก และไม่เชื่อว่านายพนม จะเป็นคนทำ เนื่องจากเป็นคนทำมาหากิน ไม่เคยมีพฤติกรรมในลักษณะดังกล่าว แต่ถ้าเป็นความจริงและมีหลักฐานยืนยันชัดเจน ญาติพี่น้องทุกคนยินดีไปขอขมาศพน้องมอส แต่หากไม่มีหลักฐานก็จะไม่ยอมรับ และอยากให้ตำรวจสืบหาคนที่กระทำความผิดจริงมาลงโทษต่อไป อย่างไรก็ตาม ก่อนที่น้องชายจะไปกินยาตาย ได้ทะเลาะกับนางอุไร เมียใหม่มา 4-5 วันแล้ว เนื่องจากนางอุไรไม่อยากให้ผู้ตายติดต่อกับลูก เพราะกลัวไปคืนดีกับเมียเก่า
ด้านนายถนอม อินทกูล อายุ 70 ปี และนางไสว อินทกูล อายุ 65 ปี พ่อและแม่ของนายพนม
กล่าวด้วย สีหน้าเศร้าสลดว่า ตอนนี้ยังไม่เชื่อว่านายพนมจะเป็นคน ก่อเหตุ เนื่องจากนิสัยของลูกชายไม่มีพฤติกรรมโหดร้าย ส่วนเรื่องที่ผู้ตายไปกินยาฆ่าตัวตายก็ยังไม่ชัดเจน จึงต้อง รอให้ผลพิสูจน์ศพออกมาเสียก่อน และอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจคลี่คลายเรื่องนี้ให้ชัดเจน