3ข้อหา-โจ๋ลักนอต จ่อฟันร้านของเก่า ฐานที่รับของโจร

กรณี ฝ่ายสืบสวน สน.หนองจอกจับกุมแก๊งคนร้ายวัยโจ๋ อายุแค่ 17 ปี ที่ลักลอบถอดนอตยึดเสาไฟฟ้าแรงสูงขนาด 5 แสนโวลต์ สูง 60 เมตร ไปขาย

ส่งผลให้เสาไฟต้นมหึมาล้มโค่นลงกลางทุ่งนา หลังหมู่บ้านปรีชาการเกษตร ถนนเลียบวารี แขวงโคกแฝด เขตหนองจอก กทม. ความคืบหน้าเมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 10 มี.ค. พล.ต.ต.อนันต์ ศรีหิรัญ ผบก.น.3 พร้อมพนักงานสอบสวน สน.หนองจอกนำตัวนายโป้ง (นามสมมติ) อายุ 17 ปี หัวหน้าแก๊งถอดนอตยึดเสาไฟฟ้าแรงสูงรายนี้กับพวกรวม 3 คน เดินทางไปที่ร้านภูทองรีไซเคิล เลขที่ 17/269 ถนนมิตรไมตรี แขวงและเขตหนองจอก กทม.ของนาย สมาน ทองแม้น อายุ 50 ปี พ่อค้ารับซื้อของเก่าที่รับซื้อนอตจากกลุ่มเยาวชนตัวแสบดังกล่าว แต่นายสมานไม่อยู่ พบเพียงลูกจ้าง 3 คน พนักงานสอบสวนจึงแสดงหมายศาลขอตรวจค้นหาของกลางในคดีที่เกิดขึ้น พร้อมให้ ผู้ต้องหาชี้จุดเพื่อถ่ายภาพไว้เป็นหลักฐานประกอบสำนวน ก่อนนำตัวไปสอบปากคำเพิ่มเติมที่โรงพักอีกครั้งในประเด็นเกี่ยวกับการนำนอตไปปล่อยขายให้กับใคร หน้าตาเป็นอย่างไร 
 

พล.ต.ต.อนันต์เปิดเผยว่า คดีขโมยนอตยึดเสาไฟฟ้าแรงสูงที่เกิดขึ้นในท้องที่ สน.หนองจอก

เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมผู้ต้องหาเป็นเยาวชนหมดแล้ว ขั้นตอนจากนี้จะรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อออกหมายจับเจ้าของร้านซื้อของเก่า โดยเยาวชนที่ถูกจับได้ก่อนหน้าจะโดนดำเนินคดี 3 ข้อหา ประกอบด้วย ร่วมกันลักทรัพย์สมบัติเพื่อสาธารณประโยชน์ ทำให้สมบัติสาธารณประโยชน์เสียหาย และทำลายเครื่องส่งไฟฟ้าเป็นเหตุประชาชนได้รับความเดือดร้อน ส่วนผู้รับซื้อจะโดนข้อหา รับซื้อของโจรมีโทษจำคุก 6 เดือน-10 ปี ปรับ 1,000-20,000 บาท
 

ผู้สื่อข่าวถามว่า ส่วนใหญ่ผู้ต้องหาเป็นเยาวชนจะแก้ไขได้อย่างไร

พล.ต.ต.อนันต์กล่าวว่า เป็นช่องว่างของกฎหมายที่สังคมยอมรับ อยู่ที่ดุลพินิจของศาล แต่เจ้าหน้าที่ ตำรวจได้ออก 3 มาตรการ เกี่ยวกับการป้องกันคือ 1. ให้ สายตรวจเข้มงวดในการตรวจตราเสาไฟฟ้าแรงสูงและเสาไฟแรงต่ำทั่วไป ถ้าบางจุดอยู่ไกลจากถนนก็ต้องเข้ามาสำรวจดูและเมื่อรับแจ้งให้รีบไปอย่างรวดเร็ว 2. เร่งประชาสัมพันธ์ประชาชนให้คอยเป็นหูเป็นตา หากพบบุคคลต้องสงสัยเข้าไปลักทรัพย์ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจทันที รวมทั้งขอความร่วมมือผู้ปกครองที่รู้ว่า ลูกตัวเองมีพฤติกรรมลักเล็กขโมยน้อยให้ห้ามปรามและสั่งสอนว่า การกระทำนั้นไม่คุ้มกับความเสียหายที่สูญเสียต่อระบบเศรษฐกิจ 3. ทำหนังสือถึงร้านขายของเก่าในท้องที่ให้ช่วยสังเกตเหล็กกาวาไนซ์ ซึ่งเป็นชิ้นส่วนของโครงเหล็กเสาไฟชนิดพิเศษไม่ขึ้นสนิมหากพบใครนำมาขายไม่ให้รับซื้อและรีบแจ้งตำรวจโดยเร็ว
  

ด้าน พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รักษาการ ผบ.ตร. กล่าวถึงการจัดระเบียบร้านรับซื้อของเก่าว่า ตรงนี้ข้อมูลต้องเป็นของหน่วยจะต้องไปปฏิบัติ

ส่วนภาพรวมถ้าหน่วยเสนอมาอย่างไร สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะตรวจสอบอีกชั้น ปัญหาลักเล็กขโมยน้อยหรือปัญหาความผิดทางอาญาต่างๆสั่งการไปแล้ว พร้อมทั้งออกแผนระดมสั่งให้ ตรวจตราให้เข้มแข็งในส่วนของกองบัญชาการตามภาคต่างๆ จะต้องรับไปดำเนินการอย่างเข้มงวดกวดขันอย่างเต็มที่ 
 

นายวิรัช กาญจนพิบูลย์ ผู้ช่วยผู้ว่าการปฏิบัติการระบบส่ง กฟผ.กล่าวถึงมาตรการป้องกันการถอดชิ้นส่วนเสาไฟฟ้าแรงสูงว่า แบ่งออกเป็น 2 ส่วน

คือ เชิงเทคนิค ทำอย่างไรให้การถอดชิ้นส่วนเหล็กยากที่สุด ปัจจุบันใช้วิธี การเชื่อมติด และอีกวิธี คือต้องขอความร่วมมือกับประชาชนและตำรวจ ช่วยเป็นหูเป็นตาดูแลเสาสายส่งไฟฟ้า เพราะเสาทุกต้นเป็นของประชาชน ที่สำคัญการขโมยไม่ใช่เสียหายแค่ตัวทรัพย์สิน แต่ทำให้เสาสายส่งล้มลง บางครั้งทำให้ เกิดไฟฟ้าดับ ผลกระทบตกอยู่กับประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุตสาหกรรมต่างๆ เสียหาย ซึ่งเสาต้นใหม่นี้จะเสร็จและสามารถส่งจ่ายกระแสไฟฟ้าได้ในวันที่ 12 มี.ค.นี้

ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุการณ์ครั้งนี้จะกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้ใช้ ไฟฟ้าหรือไม่

นายวิรัชกล่าวว่า สายส่งนี้เป็นสายส่งที่ ใหญ่ที่สุดของประเทศมีกำลังส่งถึง 5 แสนโวลต์ พอมีปัญหา แต่ไฟฟ้าไม่ดับ เนื่องจากระบบส่งของ กฟผ.มีลักษณะเป็นเครือข่าย เมื่อเส้นใดเส้นหนึ่งขัดข้องเส้นอื่นก็สามารถทดแทนได้ ที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) วันเดียวกัน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย ไปตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายให้ กฟภ. โดยมีนายอดิศร เกียรติโชควิวัฒน์ ผู้ว่าการ กฟภ.บรรยายสรุปการทำงานและปัญหาใน  กฟภ.ว่า ขณะนี้มีปัญหาสำคัญ คือการขโมยนอตเสาไฟฟ้า และการลอกลวดทองแดงไปขาย ที่ได้เงินเพียงเล็กน้อย แต่สร้างความเสียหายให้กับส่วนราชการและมีผลกระทบต่อประชาชนมาก ทั้งการไฟฟ้านครหลวง และ  กฟภ.จึงอยากให้มีการขึ้นทะเบียนร้านรับซื้อของเก่า และกำหนดบทลงโทษให้รุนแรงขึ้น

ขณะที่ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า การขโมยนอต ได้มอบหมายให้กรมการปกครองดูแลตรวจสอบ ถ้าใครเอาของเก่ามาขาย ให้ตรวจสอบดูว่าผิดปกติหรือไม่ และต้องระบุชื่อถ่ายสำเนาบัตรประชาชนเก็บไว้เป็นหลักฐานเพื่อเป็นมาตรการป้องกันระดับหนึ่ง โดยจะขอความร่วมมือผู้ที่เกี่ยวข้องช่วยตรวจสอบด้วย