มือนรกปาหินโผล่ ดช.12 ดับ เข้าหัวสมองทะลัก

เมื่อเวลา 23.30 น. วันที่ 8 มี.ค. พ.ต.ท.สนธยา ดีหะสิงห์ สารวัตรเวร สภ.เมืองเพชรบุรี

รับแจ้งมีวัยรุ่นขี่รถ จยย.ใช้ก้อนหินขว้างปาใส่กระจกหน้าของรถบรรทุก
10 ล้อ ทำให้มีผู้บาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดบนถนนเพชรเกษม ฝั่งขาเข้าตัวเมืองเพชรบุรี ช่วงหลัก กม.ที่ 147-148 หมู่ 3 ต.ต้นมะพร้าว อ.เมืองเพชรบุรี จึงรายงานให้ พล.ต.ต.คเชนทร์ คชพลายุกต์ ผบก.ภ.จ.เพชรบุรี พ.ต.อ.จตุพล เมืองชู ผกก.เมืองเพชรบุรี ทราบ จากนั้นพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่มูลนิธิสว่างสรรเพชรธรรมสถานเพชรบุรีรีบไปตรวจสอบ
  

ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุก
10 ล้อ ยี่ห้อฮีโน่ ทะเบียน 70-1249 เพชรบุรี หัวรถสีแดงคาดขาว
 
กระจกหน้ารถติดสติกเกอร์เขียนว่า
ขวัญใจเทพอารีย์เป็นรถของอู่เบ๊ท่ายาง จอดอยู่ไหล่ทาง รอบๆตัวรถพบเศษกระจกแตกกระจายเกลื่อนพื้น ส่วนกระจกบานหน้ามุมซ้ายฝั่งผู้โดยสารมีรอยถูกปาด้วยของแข็งทะลุเป็นรูโบ๋ขนาดใหญ่ภายในรถพบก้อนหินรูปทรงมนรีสีเหลืองนวล ขนาดพอเหมาะมือ ลักษณะคล้ายหินจัดตกแต่งสวนหย่อม น้ำหนักราวครึ่งกิโลกรัม ตกอยู่ข้างเบาะที่นั่งคนขับ และพบร่างผู้บาดเจ็บนั่งอยู่ในเบาะผู้โดยสาร สภาพเลือดไหลอาบใบหน้า มือเกร็งกำขวดนมเปรี้ยวไว้แน่น ส่งเสียงร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด ทราบชื่อ ด.ช.อนุพงษ์ สายเพ็ชร์ อายุ 12 ปี หรือน้องมอส ลูกชายของนายสนิท สายเพ็ชร์ อายุ 45 ปี คนขับรถบรรทุก อยู่บ้านเลขที่ 96/3 หมู่ 1 ต.ท่าคอย อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี
 

เด็กน้อยผู้เคราะห์ร้ายอยู่ในชุดนุ่งกางเกงขาสั้นสีส้มคาดขาวลายการ์ตูน สวมเสื้อยืดโปโลสีขาวที่ชุ่มไปด้วยเลือด

บริเวณเหนือคิ้วขวามีบาดแผลเป็นรูทะลุขนาดใหญ่จนกะโหลกศีรษะแตก มันสมองปนเลือดไหลออกมาจำนวนมาก เจ้าหน้าที่มูลนิธิฯรีบช่วยเหลือนำตัวส่ง รพ.พระจอมเกล้าเพชรบุรี ระหว่างทางไปโรงพยาบาล น้องมอสยังมีสติดี พูดคุยบอกอาการของตนให้เจ้าหน้าที่ทราบ โดยคำพูดสุดท้ายน้องมอสบอกว่า
พี่ครับผมหนาวทางเจ้าหน้าที่จึงให้การปฐมพยาบาล และเรียกชื่อเพื่อกระตุ้นให้มีสติอยู่ตลอด แต่น้องมอสก็นิ่งเงียบไป ทันทีที่ไปถึงโรงพยาบาล แพทย์รีบนำน้องมอสเข้าห้องฉุกเฉินเพื่อช่วยชีวิตอย่างเร่งด่วน 

จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุนายสนิท ผู้เป็นพ่อ ขับรถ
10 ล้อคันดังกล่าวบรรทุกอ้อยเต็มคัน

ออกเดินทางจากเขากระปุก จ.เพชรบุรี นำอ้อยไปส่งที่โรงงานหีบอ้อย อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี โดยมีลูกชายนั่งไปเป็นเพื่อน ขากลับลูกชายนั่งหลับมาในเบาะหลัง เมื่อมาถึงช่วง ต.หนองปลาไหล อ.เขาย้อย จ.เพชรบุรี นายสนิทได้จอดรถแล้วปลุกลูกชายให้ตื่น บอกให้วิ่งลงไปซื้อเครื่องดื่มชูกำลังมาให้ หลังลงไปซื้อของให้พ่อแล้ว ด.ช.อนุพงษ์ ก็ปีนขึ้นมานั่งอยู่ในเบาะหน้าข้างพ่อ
 

กระทั่งเมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุ นายสนิทเห็นแสงไฟจากรถ จยย.ขี่ย้อนศรสวนทางมาทางด้านซ้าย

 
คนขี่เป็นชายวัยรุ่นอายุราว
20-25 ปี ขี่มาคนเดียว จากนั้นได้ยินเสียงกระจกหน้าด้านซ้ายถูกกระแทกด้วยของแข็งเต็มแรง จนทะลุเข้ามาโดนหัวของ ด.ช.อนุพงษ์ถึงกับหน้าหงายกระแทกพนักพิง นายสนิทจึงรีบหักพวงมาลัยรถเข้าจอดข้างทางและตรวจสอบความเสียหาย ปรากฏว่าพบลูกชายหัวแตกเลือดไหลอาบหน้า มันสมองปนเลือดทะลักออกมาเปรอะเปื้อนเสื้อผ้า โดยน้องมอสซึ่งอยู่ในอาการตกใจ และยังไม่รู้ตัวว่าตนเองได้รับบาดเจ็บสาหัส ยังหันมาถามพ่อว่าเกิดอะไรขึ้น หลังหายตกตะลึง นายสนิทรีบใช้โทรศัพท์มือถือโทร.แจ้งตำรวจ 191 ให้มาช่วยเหลือโดยด่วน 

หลังจากทีมแพทย์ให้การรักษาอย่างสุดความสามารถ ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา

ปรากฏว่า ด.ช.อนุพงษ์ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการกระทำของคนที่ไร้สำนึกและความรับผิดชอบ ได้เสียชีวิตลงเมื่อเวลา
04.30 น. วันที่ 9 มี.ค. โดยมีนายสนิทผู้เป็นพ่อนั่งเฝ้าข้างเตียงไม่ยอมห่างจนลูกชายสิ้นลมอย่างสงบ แพทย์ระบุสาเหตุการเสียชีวิตเนื่องจากเนื้อสมองถูกแรงกระแทกเสียหายอย่างหนัก และเสียเลือดมาก ทันทีที่รู้ว่าน้องมอสจากไปอย่างไม่มีวันกลับ นายสนิทรีบโผเข้ากอดร่างไร้วิญญาณของลูกชาย ร่ำไห้โฮเป็นที่น่าเวทนา 

นายสนิท สายเพ็ชร์ พ่อของน้องมอส เหยื่อก้อนหินมรณะ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวด้วยน้ำตานองหน้า ว่า


หลังน้องมอสเกิดมาได้เพียง
3 เดือน ตนหย่าร้างกับนางสมร บุญชม ภรรยา โดยนางสมรไปได้สามีใหม่ อยู่โคราช ส่วนตนก็มีภรรยาใหม่เช่นกัน ซึ่งก็รักน้องมอส เหมือนลูกแท้ๆคนหนึ่ง ตนส่งตัวน้องมอสไปอยู่กับญาติที่ อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ให้เข้าเรียนหนังสือที่ ร.ร.วัดวังยาว ขณะนี้อยู่ชั้นมัธยมปีที่ 1 แล้ว ช่วงนี้เป็นช่วงปิดภาคเรียน จึงไปรับลูกชายมาอยู่ด้วย และไปไหนมาไหนด้วยกันตลอดเวลา รวมทั้งตอนขับรถบรรทุกไปส่งของก็จะพาลูกไปด้วย เพราะต้องการอยู่ใกล้ชิดลูก ซึ่ง ด.ช.อนุพงษ์  ก็รู้สึกมีความสุขที่ได้มาอยู่กับพ่อช่วงปิดเทอม และสนุกสนานกับการนั่งรถไปกับพ่อทุกที่ เมื่อสั่งให้ลงไปซื้อของระหว่างทาง น้องมอสก็จะรีบลงไปทันทีโดยไม่เคยบ่น และยังบอกว่าเป็นเรื่องสนุก เพราะจะได้แวะซื้อขนมขึ้นมากินบนรถด้วย 

ลูกผมเป็นเด็กดี นิสัยเรียบร้อย ชอบช่วยเหลืองานบ้าน ไม่เคยดื้อเลย ผมเสียใจมาก มีลูกชายเพียงคนเดียวก็ตั้งความหวังไว้กับเขามาก เวลาขับรถไปด้วยกันก็จะสอนเขาให้เป็นคนดี ผูกพันกันมาก พยายามทำงานเก็บเงินหวังจะส่งเสียให้เขาได้เรียนหนังสือสูงๆ จะได้ไม่ต้องมาลำบากเหมือนผม แม้การเรียนจะอยู่ในระดับปานกลาง แต่น้องมอสเคยบอกว่าพอเรียนจบอยากเป็นนักมวย และรับราชการทหาร จะได้ไปรบกับโจรใต้ ที่บุกมาแบ่งแยกดินแดนประเทศไทย ไม่คิดว่าน้องมอสจะจากไปด้วยน้ำมือของคนที่ไม่เคยมีเรื่องขัดแย้งกันมาก่อน คนทำมันน่าจะปาให้โดนผมตายมากกว่ามาปาให้โดนลูกผม เขายังมีอนาคตอีกไกล ผมรู้สึกหัวใจสลาย อยากตายตามลูก ผมเคยถูกปาก้อนหินใส่รถมาแล้ว 2-3 ครั้ง แต่ไม่โดนกระจกหน้า ฝากพี่ๆนักข่าวบอกตำรวจด้วยว่า ขอให้ช่วยลากคอคนทำมาลงโทษให้ได้ก่อนวันเผาศพลูก จับได้แล้วให้ประหารชีวิตไปเลย ผมไม่อยากให้คนอื่นโดนเหมือนผม
พ่อผู้สูญเสียกล่าวทั้งน้ำตา 
 

ต่อมาเมื่อเวลา
09.30 น. วันเดียวกัน พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.ภ.7 พ.ต.อ.สมชาย รักเสนาะ ผกก.ศสส.ภ.7 พ.ต.ท.สมยศ ฉิมพาลี รอง ผกก.กลุ่มงาน สืบสวน ภ.จ.เพชรบุรี พร้อมทีมสืบสวนสอบสวน

เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุอย่างละเอียด และสอบปากคำนายสนิท สายเพ็ชร์ คนขับรถสิบล้อผู้เสียหาย โดยเฉพาะประเด็นลักษณะรูปพรรณคนร้าย และรถ จยย.พาหนะที่ ใช้ก่อเหตุเพื่อเร่งคลี่คลายคดี
พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.ภ.7 กล่าวว่า สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ภ.จ.เพชรบุรี ร่วมกับทีมสืบสวนภาค 7 จัดทีมออกไล่ล่าเช็กบิลให้ได้โดยเร็ว เพราะเป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญ คนทำไม่คำนึงถึงผลเสียที่จะเกิดขึ้น และเหยื่อก็เป็นเด็กอายุแค่ 12 ปี กำหนดเวลาในการตามตัวคนร้ายไว้ไม่เกิน  7  วัน  คดีนี้คนร้ายขี่รถ จยย. มาคนเดียว ใช้มือซ้ายเหวี่ยงก้อนหินโดยใช้มือขวาจับแฮนด์รถไว้

ส่วนก้อนหินที่นำมาก่อเหตุไม่ได้เก็บเอาจากข้างทาง เป็นหินที่ใช้ในการจัดตกแต่งสวนหย่อม

เชื่อว่าคนร้ายคงเตรียมการมาล่วงหน้าเพื่อต้องการก่อเหตุครั้งนี้ และไม่ได้เลือกว่าเป็นรถคันใด ทำไปตามความคึกคะนอง ส่วนประเด็นความโกรธแค้นส่วนตัวและชิงทรัพย์นั้นตัดทิ้งไปได้ เนื่องจากผู้เสียหายเล่าว่าหลังขว้างหินแล้ว คนร้ายไม่ได้ย้อนกลับมาเลย  จากการตรวจสอบเส้นทางจากคดีที่เคยเกิดขึ้นแต่ไม่เป็นข่าว เชื่อว่าคนร้ายเป็นคนในพื้นที่เพราะรู้เส้นทางอย่างดี และสามารถขี่รถย้อนศรได้อย่างคล่องแคล่ว
 

ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ระดมกำลังไปเดินหาข้อมูลข่าวสารในบริเวณหมู่บ้านใกล้เคียงที่เกิดเหตุทั้งหมด ซึ่งพอจะมีเบาะแสผู้ต้องสงสัยแล้ว และให้น้ำหนักตรงนี้ มากที่สุด แต่ต้องขอเวลาตำรวจทำงานสักระยะหนึ่งก่อน ส่วนเบาะแสอื่นๆนั้น ได้ให้เจ้าหน้าที่เก็บรวบรวมข้อมูลกลุ่มวัยรุ่นแก๊งต่างๆในทุกพื้นที่ไว้หมดแล้วว่า พฤติการณ์ ของแต่ละกลุ่มเป็นอย่างไรเพื่อนำข้อมูลมาประกอบกัน ส่วนการสเกตช์ภาพใบหน้าคนร้ายขณะนี้ยังทำไม่ได้ เพราะคนร้ายขี่รถสวนทางมาขณะที่ไฟก็ส่องหน้าทำให้พยานมองเห็นได้ไม่ชัดเจน สำหรับแนวทางในการป้องกันรักษาความปลอดภัยนั้น ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่สายตรวจกลางคืนเปิดไซเรนและใช้ไฟสปอตไลต์ส่องไปตามข้างทาง อย่างน้อย เพื่อเป็นการยับยั้งสกัดกั้นกลุ่มวัยรุ่นที่นั่งจับกลุ่มพูดคุยหรือเสพสุรา  พร้อมขอความร่วมมือจากร้านขายสินค้าริมทาง ให้ช่วยติดตั้งไฟส่องสว่างเพิ่มขึ้นด้วย
  ผบช.ภาค  7 กล่าว
 


ต่อมา พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.ภ.
7 ได้เข้าพบนายสนิท สายเพ็ชร์ พ่อของน้องมอส เพื่อแสดงความเสียใจ

และรับปากว่าจะจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้ พร้อมมอบเงินสดส่วนตัวจำนวน
10,000 บาท ให้นายสนิทนำไปใช้ในการบำเพ็ญกุศลศพลูกชายด้วย สำหรับศพ ด.ช.อนุพงษ์ จะนำไปตั้งสวดพระอภิธรรม 4 คืน ที่วัดสุขเกษมสุธาราม หมู่ 1 บ้านท่าขาม ต.ท่าคอย อ.ท่ายางจ.เพชรบุรี   กำหนดฌาปนกิจศพในวันพฤหัสบดีที่  13 มี.ค.นี้ เวลา 16.00 น.


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์