จับกุมอดีตเคจีบี ซุกในกรุง แก๊งค้าอาวุธโลก

เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 6 มี.ค. พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผบก.ป. สั่งการให้ พ.ต.อ.เพชรรัตน์ แสงไชย รอง ผบก.ป.

นำกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการพิเศษ งานต่อต้านการก่อการร้าย สำนักงานปราบปรามยาเสพติด กระทรวงยุติธรรมสหรัฐอเมริกา หรือดีอีเอ จับกุมนายวิคเตอร์ อนาโตลเจวิช บูท หรือเบาท์ หรือบัต หรือบัท อายุ 41 ปี สัญชาติรัสเซีย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 893/2551 ลงวันที่ 4 มี.ค. 2551 ข้อหาร่วมกันจัดหาและรวบรวมทรัพย์สินเพื่อการก่อการร้าย โดยจับกุมได้ที่ห้องวีไอพี ในร้านอาหารบริเวณชั้น 27 โรงแรมโซฟิเทล ย่านสีลม เขตบางรัก กทม. จากนั้นได้นำตัวนายวิคเตอร์กับพวกชาวต่างชาติ มีทั้งยุโรป อเมริกา และรัสเซียรวม 7 คน มาสอบสวนที่กองปราบปราม
 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  หลังจับกุมตัวตำรวจกองปราบปรามและเจ้าหน้าที่สหรัฐฯได้นำตัวนายวิคเตอร์ไปสอบปากคำที่ห้องทำงานของ พ.ต.อ.เพชรรัตน์

ส่วนกลุ่มผู้ต้องสงสัยอีก 6 คน แยกตัวไปสอบสวนที่เซฟเฮาส์เพื่อขยายผลคดีต่อไป ขณะที่นายวิคเตอร์ปฏิเสธที่จะให้ สัมภาษณ์นักข่าว พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์กล่าวว่า หลังจากกองปราบปรามได้รับการประสานจากนายโทมัส พาสโคเรโล ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้ายของดีอีเอ ประจำภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกว่า นายวิคเตอร์หัวหน้าแก๊งค้าอาวุธสงคราม ซึ่งมีเครือข่ายส่งอาวุธสงครามให้กับกลุ่มกบฏที่ต่อต้านรัฐบาลและกลุ่มก่อการร้ายทั่วโลก เป็นผู้ต้องหาคนสำคัญที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ รวมทั้งประเทศสหรัฐอเมริกาต้องการตัวมากที่สุด ได้หลบหนีเข้ามาประเทศไทย จึงขอประสานงานเพื่อให้ช่วยสืบสวนจับกุม
 

พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์กล่าวต่อว่า หลังจากจับกุมตัวมาได้ ทางชุดสืบสวนกองปราบปรามร่วมกับเจ้าหน้าที่สหรัฐฯจะได้สอบสวนนายวิคเตอร์กับพวก

โดยในส่วนของกองปราบปราม มีคำสั่งแต่งตั้งคณะพนักงานสอบสวนขึ้นมา 6 นาย มี พ.ต.อ.เพชรรัตน์เป็นหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวน เบื้องต้นนายวิคเตอร์ยังไม่ยอมให้การใดๆ แต่ก็ได้พูดกับตนว่า “เกมมันจบแล้ว” ส่วนการขยายผลนั้นเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นห้องพักของนายวิคเตอร์กับพวกในโรงแรมดังกล่าว แต่ยังไม่ได้รับรายงานว่าได้ตรวจยึดของกลางอะไรมาบ้าง อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นนายวิคเตอร์จะต้องถูกดำเนินคดีตามหมายจับศาลอาญาของไทยก่อน และรอการประสานงานระหว่างประเทศอีกครั้ง
 



ผบก.ป.กล่าวว่า ที่ผ่านมาประเทศไทยถูกมองว่าไม่มีความเข้มงวดในการตรวจสอบบุคคลที่จะเดินทางเข้าออกประเทศ

กระทั่งมีการหลบหนีเข้ามาของผู้ก่อการร้าย รวมทั้งผู้ต้องหาข้ามชาติจากหลายประเทศ เข้ามาใช้ ประเทศไทยเป็นฐานในการเจรจา เรื่องนี้เป็นปัญหาที่ต้อง ร่วมกันป้องกันและแก้ไขอย่างเร่งด่วน สำหรับการจับกุมหัวหน้าแก๊งค้าอาวุธสงครามรายใหญ่ระดับโลกครั้งนี้ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ดีอีเอสืบทราบมาว่านายวิคเตอร์ หัวหน้าแก๊งค้าอาวุธสงครามคนนี้ เดินทางเข้าประเทศไทยพร้อมกับนายแอนดริว สมิลเลี่ยน เมื่อเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา เพื่อติดต่อกับกลุ่ม FARC. ซึ่งเป็นกลุ่มต่อต้านรัฐบาลประเทศหนึ่งในละตินอเมริกาด้วยการใช้วิธีการต่างๆ อาทิ ก่อเหตุวางระเบิด ลักพาตัว เรียกค่าไถ่ ค้ายาเสพติด ฯลฯ จึงมีการประสานข้อมูลและติดตามจับกุมนายวิคเตอร์และเครือข่ายมาได้ แต่ยังไม่มีการยืนยันว่าในการจับกุมครั้งนี้ นายแอนดริว ลูกน้องนายวิคเตอร์ถูกจับกุมด้วยหรือไม่
 

ประวัติของนายวิคเตอร์ เกิดที่เมืองดูเชนเบ ทาจิกิสถาน

เคยเป็นทหารยศพันตรี ประจำหน่วยสืบราชการลับรัสเซีย หรือเคจีบี ที่ผ่านมาเข้าไปเกี่ยวข้องกับกลุ่มก่อการร้าย และกลุ่มกบฏประเทศต่างๆในฐานะพ่อค้าอาวุธสงครามทุกชนิด ตั้งแต่อาวุธสงครามทั่วไป เช่น ปืนกล ระเบิด ไปจนถึงขั้นจัดหาอาวุธร้ายแรงจำพวกจรวดประเภทต่างๆ จนได้รับฉายาในวงการค้าอาวุธว่า “พ่อค้าอาวุธมัจจุราช” ธุรกิจค้าอาวุธสงครามล่าสุดที่เจ้าหน้าที่สืบทราบคือการส่งอาวุธปืน เอเค 47 หรืออาก้า 2 แสนกระบอก จากบอสเนียไปยังประเทศอิรัก เมื่อเดือน พ.ค. 2549 จากนั้นนายวิคเตอร์ก็ขึ้นทำเนียบนักค้าอาวุธสงครามรายใหญ่ระดับโลก

มีเครือข่ายจัดหาอาวุธสงครามชนิดร้ายแรงให้กับกลุ่มผู้ก่อการร้าย และกลุ่มกบฏในทุกทวีปทั่วโลก

โดยทำหน้าที่เป็นนายหน้าติดต่อกับบริษัทผู้ผลิตและค้าอาวุธ ตามแต่ศักยภาพด้านเงินของลูกค้าที่จะสั่งซื้อได้ ประวัติชีวิตและพฤติการณ์ของนายวิคเตอร์นั้นได้ถูกนำไปเขียนเป็นหนังสือมาแล้ว และเปรียบเทียบว่าชีวิตจริงของนายวิคเตอร์คล้ายกับตัวเอกในภาพยนตร์เรื่อง “ลอร์ด ออฟ วอร์” ซึ่งเป็นภาพยนตร์เกี่ยวกับนายหน้าค้าอาวุธสงครามที่มี “นิโคลัส เคจ” ดาราฮอลลีวูดชื่อดังเป็นดารานำแสดง


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์