สี่พี่น้องชีวิตรันทด แม่หนี-พ่อตาย คนโตอายุ 14 ปี ต้องหอบน้องไปขออยู่กับพี่ชายคนละแม่ ขอพึ่งพาจนกว่าจะเรียนจบ รอง ผอ.สพท.รุดเยี่ยม รับหนักใจเบิกเงินฉุกเฉินมาช่วยไม่ได้ ผอ.เผยมีครูจะรับเลี้ยงดู แต่เด็กปฏิเสธ
เด็กน้อยสู้ชีวิตกันตามลำพังสี่พี่น้องครอบครัวนี้
ได้แก่ ด.ญ.สุธาสินี สมตัว อายุ 14 ปี ด.ช.สมรัก สมตัว อายุ 13 ปี ด.ญ.นัด สมตัว อายุ 10 ขวบ และ ด.ช.มาก สมตัว อายุ 8 ขวบ ปัจจุบันอาศัยอยู่กับ นายสมเกียรติ สมตัว อายุ 35 ปี พี่ชายคนละแม่ ที่บ้านเลขที่ 97 หมู่ 10 บ้านโนนตาล ต.นาตาล อ.นาตาล จ.อุบลราชธานี ซึ่งมีฐานะยากจนเช่นกัน
ด.ญ.สุธาสินี เล่าว่า เดิมครอบครัวอาศัยอยู่บนที่ดินของญาติ บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง ติดกับหาดชมดาว บ้านโนนตาล
เมื่อ 5 ปีที่แล้วแม่ทิ้งครอบครัวไป พ่อจึงเลี้ยงดูลูกๆ ตามลำพัง ระหว่างนั้นตนเรียนหนังสือที่โรงเรียนบ้านนาตาลใต้ตามปกติ อาศัยอาหารกลางวันของโรงเรียนกินประทังชีวิต กระทั่งวันที่ 19 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา พ่อเสียชีวิตจากถูกรถชน ทำให้พวกตนกลายเป็นเด็กกำพร้า ไม่มีผู้ปกครองดูแล จึงมาขออาศัยอยู่กับพี่ชายคนละแม่ จนกว่าจะเรียนจบปริญญาตรี นายสมเกียรติ พี่ชาย กล่าวว่า เป็นภาระหนักมากในการดูแลเด็ก 4 คน แม้ว่าปัจจุบันตนยังไม่มีครอบครัว แต่อาชีพการงานก็ไม่มั่นคง หางานรับจ้างทำไปเรื่อยๆ รู้สึกสงสารน้องมาก โดยเฉพาะ ด.ญ.สุธาสินี การเรียนอยู่ในระดับดี น่าจะได้รับการส่งเสริมให้เรียนสูงๆ ดังหวัง แต่ก็ไม่รู้จะทำได้หรือไม่ เพราะฐานะยากจน
ต่อมา นายวีระศักดิ์ วิริยะพันธ์ รอง ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาอุบลราชธานี เขต 2 (สพท.อบ.2) มาสอบถามรายละเอียดที่โรงเรียนบ้านนาตาลใต้
โดยยอมรับว่า หนักใจในการหาทุนช่วยเหลือ ส่วนกองทุนช่วยเหลือนักเรียนที่เดือดร้อนฉุกเฉินของ สพท.อบ.2 ที่ก่อตั้งขึ้น ยังไม่สามารถอนุมัติจ่ายได้ เพราะตั้งขึ้นมายังไม่เต็มรูปแบบ เงินกองทุนที่มีอยู่ประมาณ 8 หมื่นกว่าบาท ก็นำออกมาไม่ได้ แต่จะนำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (อ.ก.ค.ศ.) โดยเร่งด่วน พร้อมทั้งจะแจ้งไปยังสถานศึกษาต่างๆ เพื่อร่วมกันจัดเป็นกองทุนเข้าช่วยเหลือต่อไป
ด้านนายอ่อนศรี แก้วเนตร ผอ.โรงเรียนบ้านนาตาลใต้ กล่าวว่า
พอทราบข่าว คณะครูในโรงเรียนได้หารือกันในแนวทางให้ความช่วยเหลือ โดยมีครูหลายคนที่จะรับอุปการะเด็กทั้ง 4 คน ไปจนกว่าจะเรียนจบภาคบังคับ (ม.3) แต่ติดที่เด็กยืนยันจะอยู่กับพี่ชาย จึงเข้าไปยุ่งในจุดนี้ไม่ได้ แต่โรงเรียนก็ให้ความช่วยเหลือด้านทุนการศึกษาแก่ ด.ญ.สุธาสินี ด้วยทุนอีดีเอฟปีละ 1,500 บาท เป็นเวลา 3 ปี ซึ่งจะสิ้นสุดในปีการศึกษา 2551 ส่วนแนวทางช่วยเหลืออื่นจะหาทางต่อไป