ไทกรแฉดะเนวินสั่งตร.ถ่ายวีซีดี-เปิดคดีเก่าจตุพรขืนใจนศ.
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 16 พฤษภาคม 2549 16:52 น.
ไทกร พลสุวรรณ เดินหน้าฉีกหน้ากากทีมงาน ทรท.คดีจ้างพรรคเล็กลงเลือกตั้ง แฉ เนวิน หัวหอกคนสั่งการผู้การฯชัยภูมิแอบถ่ายวีซีดี ทำหลักฐานส่งให้ วาสนาหวังหักล้างผลสอบอนุกกต. เผยวิชามารติดตาม-ข่มขู่-ขัดขวางสารพัด ลั่นหากเป็นอะไรให้รู้ว่าเป็นฝีมือของคนกลุ่มนี้ ท้าสาบานวัดพระแก้วถ้าคิดว่าบริสุทธิ์จริง พร้อมเปิดแผลเก่าคนชั่ว จตุพร ถูกนักศึกษาแจ้งความขืนใจคดีตอนนี้ยังอยู่ในชั้นศาล
วันนี้(16พ.ค.)ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 11.00 น. ทีมงานเครือข่ายอีสานกู้ชาติ นำโดยนายไทกร พลสุวรรณ ผู้ประสานงานเครือข่ายอีสานกู้ชาติ พร้อมด้วยทีมงาน แถลงถึงเบื้องหลังการคุดคุ้ยหาหลักฐานพรรคไทยรักไทยว่าจ้างพรรคเล็กลงรับสมัครเลือกตั้ง ประกอบด้วย นายเศวต ทินกูล นายถนอมศักดิ์ นวลเศรษฐ์ และนายชุมพล สังข์ทอง ทนายความของนายไทกร
นายไทกร แถลงว่า หลังจากที่กลุ่มอีสานกู้ชาติได้ออกมาเปิดโปงขบวนจ้างพรรคเล็กของพรรคไทยรักไทย ได้มีความพยายามขัดขวาง ข่มขู่ และพยายามทำให้กลุ่มแตกกระสานซ่านเซ็น โดยเมื่อคืนวันที่ 15 พฤษภาคมที่ผ่านมา มีกลุ่มนักเลงย่านฝั่งธนบุรี ได้ติดตามข่มขู่ ทีมงานจากโรงแรมโซฟิเทลฯ จนมาถึง โรงแรมมารวยการ์เค้น ย่าน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จนถึงเวลา 02.00 น.ของวันที่ 16 พฤษภาคมจนทีมงานไม่ได้หลับไม่ได้นอน ดังนั้นหากตนเสียชีวิตก็แสดงว่าเป็นฝีมือของพรรคไทยรักไทย เพราะตนไม่เคยมีศัตรู ไม่เคยมีกิ๊ก ไม่เคยมีเมียน้อย เมียหลวง ไม่เคยทำธุรกิจประมูลใหญ่โต นอกจากธุรกิจหอพักให้นักศึกษาเช่า
นายไทกร กล่าวว่า ขอท้าพรรคไทยรักไทยใครก็ได้ให้ไปสาบานที่วัดพระแก้วหากตนพูดเท็จขอให้มีอันเป็นไป ชีวิตวิบัติ และหากเป็นความจริงขอให้คนในพรรคไทยรักไทยต้องมีอันเป็นไป จึงอยากถามว่าพรรคไทยรักไทยกล้าพอหรือไม่ เพราะการออกมาเปิดเผยข้อเท็จจริงครั้งนี้ไม่กลัวว่าชีวิตจะมีอันตราย พวกตนยอมเสียสละเพื่อประเทศชาติ และปกป้องระบอบประชาธิปไตย ดังนั้นจึงขอเดินหน้าเปิดเผยการจ่ายเงินให้ผู้สมัครจากพรรคเล็กให้ลงสมัครรับเลือกตั้งในรอบที่ 3 ซึ่งมีการติดต่อกันที่โรงแรมทาวน์อินทาวน์ ถนนเลียบทางด่วนรามอินทรา โดยมีผู้หญิงที่เป็นคนสนิทของผู้นำหมายเลขสองของพรรคไทยรักไทย เป็นผู้เอาเงินสดไปจ่ายให้ผู้สมัครจากพรรคเล็ก 3 พรรค คนละ 5 แสนบาท ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการติดตามหารูปถ่ายของผู้หญิงคนดังกล่าวมาเปิดเผยต่อสาธารระชนต่อไป
นายไทกร กล่าวถึงกรณีที่มีการแอบบันทึกวีซีดีของตนระหว่างการสนทนากับนายวรรณวริทธิ์ ตันติภิรมย์ หัวหน้าพรรคชีวิตที่ดีกว่า โดยผู้บันทึกเทปคือ พล.ต.ต.ประสิทธิ์ คำดี ผู้บังคับการตำรวจภูธร จังหวัด ชัยภูมิ ได้รับการสั่งการจากนายเนวิน ชิดชอบ รองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย เพื่อนำหลักฐานส่งให้พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ ประธานกกต.ในการหักล้างผลสอบของคณะอนุกรรมาการกกต.ซึ่งขณะกลุ่มอีสานกู้ชาติ อยู่ในระหว่างทำเรื่องตรวจสอบการแจ้งความย้อนหลังการถูกข่มขู่คุกขามของหัวหน้าพรรคชีวิตที่ดีกว่า เพราะประเด็นขณะพรรคไทยรักไทยกำลังมีการเชื่อมโยงว่ามีบุคคลต่างๆ จากพรรคประชาธิปัตย์เข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ใครรู้จักกับใครไม่ใช่ประเด็นสำคัญ แต่อยู่ที่ว่าพรรคไทยรักไทยได้กระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งเสร็จสมบูรณ์แล้ว อย่างไรก็ตามอยากให้พรรคไทยรักไทยรีบฟ้องร้องในชั้นศาลเพื่อจะได้ไปขอวีดีโอภาพถ่ายของโรงแรมรัตนโกสินมาเปิดเผยว่าในช่วงวันที่ 11-14 เมษายน ใครเข้าไปเปิดห้อง 391 บ้าง และจากการตรวจสอบขอใบเสร็จผู้จ่ายค่าห้องพบว่าได้มีการทำลายหลักฐานไปเรียบร้อยแล้ว
นายไทกร กล่าวต่อว่า กรณีที่นายจตุพร พรมพันธ์ รองโฆษกพรรคไทยรักไทย กล่าวหาว่าตนเป็นคนชั่ว มีคดีเช็คเด้ง 2 ใบในปี 2541 นั้น ขอยอมรับว่ามีเช็ดเด้งจริงเนื่องจากในปี 2540 เกิดวิกฤติ ซึ่งตนเขียนเช็คในนามพรรคประชาชนไทยเพื่อปิดคดี หากต่อไปนี้เกิดมีคดีเช็คเด้งอีก แสดงว่าพรรคไทยรักไทยเป็นคนสร้างหลักฐานเท็จ การที่นายจตุพรกล่าวหาว่าตนชั่ว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรนายกรัฐมนตรีก็ชั่ว เพราะเคยโกหกว่าไม่เคยเซ็นชื่อในเช็คเด้งเช่นกัน แต่ในอดีตศาลเคยตัดสินคดีว่าเป็นลายเซ็นของพ.ต.ท.ทักษิณ จริง
คุณจตุพรอยู่กับคนชั่วมาโดยตลอด รับใช้คนชั่ว และพร้อมที่จะตายแทนคนชั่ว คนชั่วใช้คนชั่วมาทำงาน และคนชั่วยังมาปกป้องคนชั่ว การออกมาตอบโต้ของพรรคไทยรักไทยไม่มีคนที่ดีกว่าคุณจตุพรอีกแล้วหรือ เพราะผมไม่อยากตอบโต้อีก เรื่องของคุณจตุพรเองนั้นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2539 มีนักศึกษาหญิง มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งไปแจ้งความดำเนินคดีไว้ที่ สน.หัวหมาก ว่ามีผู้ชายคนหนึ่งฉายาตู่ศรัทธรรมกระทำการข่มขืนใจ จนเป็นคดีในชั้นศาล จึงไม่อยากพูดประวัติมาก แต่ไปถามได้เลยว่าใครคือ ตู่ศรัทธาธรรม นายไทกรกล่าว
นายถนอมศักดิ์ กล่าวว่า ทีมงานอีสานกู้ชาติได้ถูกกลุ่มชายฉกรรณ์ติดตามตลอดเวลาจนมาถึงโรงแรมมารวยการ์เค้น และมีกลุ่มชายอีก 8 คน ท่อนบนสวมเสื้อสีขาว ส่วนช่วงล่างเป็นกางเกงสีกากี สวมรองเท้าบูทขัดมัน ซึ่งเข้าใจว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาล หรือไม่ก็นเป็นนายทหารเพราะตัดผมเกรียน และในระหว่างที่มาจ้องห้องแถลงข่าวที่โรงแรมโซฟิเทลเมื่อวันที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านมาได้มีกลุ่มชาย 3-4 คนติดตามมาโดยตลอด แม้กระทั่งการส่งแฟกซ์แจ้งกำหนดการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ทั้งนี้ยังมีโทรศัพท์มาสอบถามตนเป็นระยะๆ ว่าในวันแถลงข่าวจะเดินทางผ่านถนนเส้นไหนบ้าง เมื่อถึงวันแถลงก็เกิดมีการขัดขวางไม่ให้มาแถลงข่าวจนต้องทำให้ต้องเสียเวลา ซึ่งจากการตรวจสอบผบว่ากลุ่มที่โทรศัพท์เข้ามาเป็นนักศึกษารามคำแหงที่ทำกิจกรรมร่วมกับนายจตุพร
ด้านเศวต กล่าวว่า ตนเป็นทีมงานติดตามในทางลับขบวนการจ้างพรรคเล็กลงสมัครรับเลือกตั้งรอบ 2 ในวันที่ 23 เม.ย.49 โดยพบว่ามีการไปเปิดห้อง 391 โรงแรมรัตนโกสินทร์ ให้หัวหน้าพรรคเล็กที่จะลงสมัครเข้าไปมั่วสูมเตรียมการปลอมแปลงเอกสาร ซึ่งตนและทีมงานได้เข้าไปพักในโรงแรมเดียวกันห้อง 392 จึงได้รู้ว่ามีใครเข้าไปบ้าง โดยหนึ่งในนั้นมีนายบุญทวีศักดิ์ อมรสินธิ์ หัวหน้าพัฒนาชาติไทย โดยได้ดำเนินระหว่างวันที่ 11-14 เม.ย.49 โดยมีอดีตอาจารย์ใหญ่ที่ตนเคารพที่โรงเรียนปิยะมหาราชาลัย จังหวัดนครพนม ชื่อ นายกว้าง รอบคอบเข้าไปในห้อง 391 ด้วย จึงอยากถามว่าเข้าไปทำอะไร นอกจากเป็นการเตรียมหลักฐาน ปลอมแปลงคุณสมบัติการเป็นสมาชิกพรรคครบ 90 วันของพรรคเล็กเพื่อซักค้านในชั้นศาล เพราะอยู่ระหว่างการพิจารณาเพิกถอนสิทธิ์ผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง
นายเศวต กล่าวว่า กระบวนกากระผิดกฎหมายเลือกตั้งของพรรคไทยรักไทยได้เสร็จสิ้นลงแล้ว ดังนั้นนายไทกร จึงเข้าไปดำเนินการโน้มน้าวใจให้หัวหน้าพรรคชีวิตที่ดีกว่าบอกว่าใครอยู่เบื้องหลัง แต่กลับถูกบันทึกวิซีดี ซึ่งเป็นการอุปโลก สร้างหลักฐานเท็จของพรรคไทยรักไทย เพื่อส่งให้พล.ต.อ.วาสนา จึงเห็นว่า พล.ต.อ.วาสนาสมคบพรรคไทยรักไทย หากแน่จริงตนขอท้าพล.อ.ต.วาสนาให้เปิดหลักฐานสมัครเป็นสมาชิกของนายบุญทวีศักดิ์ และการหาสมาชิกของพรรคพัฒนาชาติไทย ที่ไปตัดแปะบัตรประจำตัวประชาชนของคนอื่นเพื่อขอเงินสนับสนุนพรรคการเมืองที่จังหวัดนครพนม จึงอยากถามว่ามีการปลอมแปลงเอกสารจริงหรือไม่
ส่วนนายชุมพล สังข์ทอง ทนายประจำตัวนายไทกร กล่าวว่า จากการติดตามตรวจสอบกระบวนการแอบบันทึกวีซีดี เริ่มต้นจากมีการแอบอ้างว่ามีการข่มขู่พยานที่จังหวัด นครราชสีมา ซึ่งแทนที่จะไปแจ้งความในพื้นที่รับผิดชอบของกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 แต่กลับมีการข้างไปแจ้งความที่จังหวัดชัยภูมิ โดยอ้างถึงความสนิทสนมส่วนตัวผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิ จนการตั้งทีมขึ้นมาสอบสวน และมอบหมายให้ สภ.ต.บ้านค่าย อ.เมือง .จ ชัยภูมิ ซึ่งจากการตรวจประวัดของนายตำรวจที่แอบถ่ายวีซีดี จากเวปไซด์ของนายตำรวจผู้นี้พบว่า เคยรับราชการเป็นรองผู้บังคับการ ที่จังหวัดบุรีรัมย์ ในพื้นมที่ของนักการเมืองใหญ่พรรคไทยรักไทย เคยถูกแต่งเป็นเจ้าหน้าที่กกต.จังหวัด และเป็นเพื่อร่วมรุ่นโรงเรียนสวนกุหลาบกับนักการเมืองคนดังกล่าว ซึ่งมีเพื่อสนิทเป็นลูกเขยของอดีตอธิบดีกรมตำรวจ ซึ่งการรีบดำเนินการกระทำดังกล่าวเพราะเกี่ยวข้องกับพรรคไทยรักไทย ถึงขั้นยุบพรรค จึงทำให้นายตำรวจคนนี้ขยัน มีเครื่องมือที่ไฮเทคทันสมัยมากในการติดตาม ซื่อถือว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย และจะต้องมีการพิสูจน์ในชั้นศาลต่อไป