ชาวบ้านนับร้อยข้องใจรพ.ตรังท้อง8เดือนดับปริศนา

ม็อบนับร้อยบุก รพ.ตรัง กลางดึก หลังคนท้อง 8 เดือนผู้ป่วยจากอุบัติเหตุรถชน ดับปริศนาคา รพ. สามีผู้ตายอ้างแพทย์เวรสะเพร่าไม่สนใจท่อออกซิเจนที่เจาะคอหลุดจนหายใจไม่ออก ทั้งที่หมอยันก่อนนั้นว่ามีอาการดีขึ้นมากแล้ว ขณะที่ ผอ.รพ.ตรัง ประกาศรับผิดชอบ พร้อมตั้ง คกก.สอบหมอ-พยาบาลที่เกี่ยวข้อง


เมื่อช่วงดึกวันที่ 20 กุมภาพันธ์ บรรดาญาติๆ ของผู้ป่วยรายหนึ่งที่เสียชีวิตที่โรงพยาบาลตรังราว 100 คน มาชุมนุมที่บริเวณโรงพยาบาล

เพื่อเรียกร้องให้แพทย์ที่เกี่ยวข้องชี้แจงสาเหตุการเสียชีวิตของนางอุไร จันทร์มัด อายุ 30 ปี ตั้งครรภ์ 8 เดือน ภรรยานายตะวัน จันทร์มัด อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 51 หมู่ 4 ต.นาชุมเห็ด อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง หลังเข้ารับการรักษาอาการบาดเจ็บจากการประสบอุบัติเหตุรถเฉี่ยวชน ตั้งแต่วันที่ 13 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา เสียชีวิตที่ห้องผู้ป่วยหนักศัลยกรรมหญิง
  

นายตะวัน กล่าวว่า เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ภรรยาถูกรถเฉี่ยวชนจึงนำส่งโรงพยาบาลนาโยง ซึ่งเป็นโรงพยาบาลใกล้บ้าน

ต่อมาแพทย์ได้ส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลตรัง แพทย์นำตัวเข้าห้องเอกซเรย์เพื่อตรวจว่าสมองได้รับความกระทบกระเทือนหรือไม่ ต่อมาเวลา 12.00 น. วันที่ 14 กุมภาพันธ์ รับทราบจากแพทย์ว่าภรรยาปลอดภัย แต่ในสมองมีเลือดคั่งเล็กน้อย ต้องรักษาโดยการใช้ยาละลายสลายลิ่มเลือด คาดว่าภายใน 3 วันหลังจากให้ยาตัวนี้แล้วอาการก็จะดีขึ้น ต่อมาแพทย์สูตินรีเวชมาตรวจครรภ์ภรรยาและยืนยันว่า ผู้ป่วยและทารกในครรภ์ปลอดภัย ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง

นายตะวัน กล่าวว่า หลังแพทย์ทางสมองและสูตินรีเวชตรวจร่างกายภรรยาแล้ว ก็ได้ให้นอนรักษาที่ห้องผู้ป่วยหนักศัลยกรรมหญิง ชั้น 2 โดยแพทย์ใส่สายออกซิเจนทางปาก เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถหายใจได้คล่องและสะดวกมากขึ้น

แต่ปรากฏว่าสายออกซิเจนทำให้ภรรยาเจ็บปาก จึงเปลี่ยนมาให้ออกซิเจนโดยการเจาะที่ลำคอแทน เพื่อดูดเสมหะ และป้องกันการติดเชื้อลงในปอด ตนและญาติจึงยินยอมให้หมอเจาะลำคอเพื่อรักษา
 

"หลังเจาะลำคอแล้วอาการดีขึ้นตามลำดับ กระทั่งช่วงสายวันที่ 20 กุมภาพันธ์ แพทย์มาตรวจอาการตามปกติ และแจ้งว่าภรรยาดีขึ้นมากแล้ว สามารถหายใจได้เอง ไม่ต้องอาศัยสายออกซิเจนช่วยหายใจแล้ว ภายใน 3 วันสามารถถอดสายออกซิเจนที่ลำคอได้ กระทั่งเวลา 17.00 น. เข้าไปเยี่ยมอาการ และถามว่าต้องการอะไรเพิ่มเติม แต่ภรรยาพูดไม่ได้ เพราะลำคอถูกเจาะเพื่อต่อสายออกซิเจน จึงสื่อสารกันโดยให้ภรรยาใช้ปากกาเขียนตอบโต้ในกระดาษ" นายตะวัน กล่าว



สามีผู้เสียชีวิต อ้างว่า กระทั่งเวลา 18.00 น.ซึ่งเป็นเวลาที่แพทย์อนุญาตให้เข้าเยี่ยมผู้ป่วย ตนก็ได้เข้าไปเยี่ยม เห็นภรรยานอนน้ำลายฟูมปาก

ได้แจ้งให้พยาบาลเวรที่ประจำหน้าเคาน์เตอร์ภายในห้องทราบ เพื่อขอผ้าซับน้ำลายที่ไหลออก แต่พยาบาลคนดังกล่าวให้ตนไปหยิบผ้ามาซับเอง เมื่อเดินกลับมาที่เตียงก็พบว่า ภรรยานอนแน่นิ่ง ไม่หายใจ ลำตัวแข็งทื่อ ท้องโตผิดปกติ สายออกซิเจนที่เจาะต่อที่ลำคอหลุด จึงร้องเรียกให้พยาบาลรีบมาดู แต่กว่าพยาบาลจะมาดูก็เสียชีวิตแล้ว เชื่อว่าสาเหตุที่เสียชีวิต น่าจะมาจากความประมาทเลินเล่อของแพทย์เวรที่ไม่สนใจ ปล่อยให้สายออกซิเจนหลุดเป็นเวลานาน จนผู้ป่วยขาดอากาศหายใจ ยืนยันว่าจะเอาเรื่องพยาบาลเวรให้ถึงที่สุด
  

พ.ต.ท.ประเสริฐ ส่งแสง สารวัตรเวร สภ.เมืองตรัง กล่าวว่า

หลังได้รับแจ้งเหตุจากญาติเพื่อร่วมชันสูตรพลิกศพผู้เสียชีวิต เบื้องต้นญาติยังไม่ได้แจ้งความหรือเอาผิดกับโรงพยาบาล เพราะต้องรอผลการตรวจพิสูจน์ยืนยันสาเหตุการเสียชีวิต อย่างไรก็ตาม ญาติผู้ตายเชื่อว่า สาเหตุการเสียชีวิตของนางอุไรครั้งนี้ น่าจะมาจากความบกพร่องของผู้ที่เกี่ยวข้อง


ล่าสุด เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ นพ.สมนึก เชื้อทอง ผอ.โรงพยาบาลตรัง กล่าวว่า

ได้รับรายงานเรื่องราวที่เกิดขึ้นแล้วจากเจ้าหน้าที่ประจำโรงพยาบาล จากนั้นรายงานให้ นพ.วิรัช เกียรติเมธา สาธารณสุขจังหวัดตรัง ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข และผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้นแล้ว ทั้งนี้ในส่วนการให้ความช่วยเหลือครอบครัวนางอุไรนั้น เนื่องจากผู้ป่วยเสียชีวิตจากการเข้ารักษาจาก รพ.ในเครือข่าย พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า จำนวน 2 แสนบาท ขณะเดียวกัน ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ แพทย์และพยาบาลที่เกี่ยวข้อง ทำรายงานชี้แจง และรวบรวมเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของนางอุไร เสนอผู้บังคับบัญชา ซึ่งตนจะให้คำวินิจฉัยข้อเท็จจริงต่อไป ส่วนการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนข้อเท็จจริง คาดว่า จะสามารถขออนุมัติตั้งคณะกรรมการจากผู้บังคับบัญชาได้ภายในวันจันทร์ 25 กุมภาพันธ์นี้


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์