ชาวบ้านนับร้อยฮือล้อมกุฏิวัดดังเมืองลำพูน ไล่ 2 เจ้าอาวาสจากลำพูนและลำปางขณะขลุกอยู่กับ 2 น.ศ.สาวสีกากลางดึก ก่อนมีการเจรจาเครียดนาน 2 ช.ม. สรุปให้เจ้าอาวาสวัดดังลำพูนตัดสินใจเองจะสึกหรือไม่สึก ส่วนอีกรูปไล่กลับวัดลำปาง ขณะที่ 2 น.ศ.สาวให้กลับที่พัก ห้ามมาที่วัดอีก เจ้าอาวาสยันไม่ได้มีอะไรเกินเลย ไม่ได้ทำผิดศีล ที่ผ่านมาช่วยเหลือให้ทุนการศึกษา เด็กสาวระบุโดนจับมือ ด้านเจ้าคณะจังหวัดลำพูนสั่งสอบข้อเท็จจริง
เมื่อเวลา 23.00 น. วันที่ 19 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรับแจ้งว่า มีชาวบ้านต.เหมืองง่า อ.เมือง จ.ลำพูน
กว่า 200 คนล้อมกุฏิพระครูจารุวรรโณภาส อายุ 49 ปี เจ้าอาวาสวัดต้นผึ้ง และรองเจ้าคณะตำบลเหมืองง่า เนื่องจากภายในมีผู้หญิง 2 คนเข้าไปหลบซ่อนอยู่ คือน.ส.น้ำหวาน(นามสมมติ) อายุ 18 ปี ชาวอ.เวียงหนองล่อง จ.ลำพูน และน.ส.น้ำอ้อย(นามสมมติ) อายุ 18 ปี นักศึกษาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง
เมื่อเดินทางไปตรวจสอบ พบชาวบ้านจำนวนมากกำลังล้อมกุฏิอยู่ และตะโกนด่าต่างๆนานา
ในกุฏิพบพระครูจารุวรรโณภาส และพระอธิการบุญศรี อภิวังโส อายุ 49 ปี เจ้าอาวาสวัดชมพูหลวง ต.ชมพู อ.เมือง จ.ลำปางอยู่ในกุฏิด้วยกัน เมื่อเห็นชาวบ้านโวยวายถึงความไม่เหมาะสมที่พระทั้ง 2 รูปอยู่ในกุฏิกับสีกา 2 คน ทำให้พระทั้งสองถึงกับตกใจหน้าถอดสีอยู่ในกุฏิ
ต่อมานายสุทัศน์ สินธุเทียม อายุ 57 ปี ผู้ใหญ่บ้าน เดินทางไปที่วัด
โดยนิมนต์พระครูจารุวรรโณภาส และพระอธิการบุญศรี อภิวังโสเข้าร่วมประชุมร่วมกับชาวบ้าน รวมทั้งน.ส.น้ำหวาน และน.ส.น้ำอ้อยด้วย โดยในที่ประชุม นายสุทัศน์ให้ชาวบ้านแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น ชาวบ้านส่วนใหญ่ลงความเห็นว่าให้พระครูจารุวรรโณภาสพิจารณาตัวเองว่าจะย้ายวัดหรือสึกเป็นฆราวาส เพราะมีความประพฤติตัวไม่เหมาะสม ที่จะเป็นพระผู้ใหญ่ ซึ่งพระครูจารุวรรโณภาสตอบโต้ชาวบ้านว่า ตนเองไม่ผิดเพราะชาวบ้านไม่เห็นกับตาว่ามีเพศสัมพันธ์กับสีกา สร้างความไม่พอใจให้กับชาวบ้านอย่างมาก
2เจ้าอาวาสขลุกกับ 2นศ.สีกา ชาวบ้านฮือล้อมกุฏิ
ส่วนพระอธิการบุญศรีตอบกับชาวบ้านที่เข้าร่วมประชุมว่า
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น อาตมานัดให้ผู้หญิงทั้ง 2 คนมาพบ เพราะสงสารที่เด็กมีฐานะยากจน ให้เงินไปซื้อขนมกินเป็นประจำ ไม่ได้เจตนาเป็นอย่างอื่น และให้มาแล้วนานกว่า 2 เดือน ยืนยันไม่มีทางทำผิดศีลธรรมอย่างแน่นอน
จากนั้นนายสุทัศน์ให้น.ส.น้ำหวานออกมาพูดกับชาวบ้าน ในฐานะที่เป็นต้นเหตุของเรื่องที่เกิดขึ้น
น.ส.น้ำหวาน กล่าวว่า ตอนแรกที่มารู้จักกับพระครูจารุวรรโณภาส ตนนำรถจักรยานยนต์มาเจิมในวัดต้นผึ้ง หลังจากเจิมรถเสร็จ พระครูจารุวรรโณภาสสอบถามว่าเรียนอยู่ที่ไหนและมีคนส่งเสียให้เรียนหรือไม่ ตนตอบว่าเรียนอยู่วิทยาลัยแห่งหนึ่งในตัวเมืองลำพูน และท่านพระครูบอกว่าถ้าหากจะส่งเสียให้จะยินดีหรือไม่ ตนตอบว่ายินดีมากที่จะมีเงินเรียนหนังสือ หลังจากนั้นเป็นต้นมา ตนเดินทางมาที่วัดต้นผึ้งเป็นประจำ ซึ่งมีพระอธิการบุญศรีให้เงินเป็นประจำ จนชาวบ้านมาพบในครั้งนี้
พระอธิการบุญศรีกล่าวว่า ที่ให้เงินเด็กไปไม่ได้คิดเป็นอย่างอื่น
เพราะเห็นว่าเด็กยากจน จึงให้เงินไปเป็นค่าขนมเท่านั้น ส่วนที่กล่าวหาว่ามีเพศสัมพันธ์กับเด็กนั้นไม่เป็นความจริง ตนไม่มีประสงค์จะทำเช่นนั้น และที่เดินทางจากจ.ลำปางครั้งนี้ เพื่อมาแจกใบฎีกาเนื่องทางวัดชมพูหลวงจะจัดงานปอยหลวง ขณะที่น.ส.น้ำอ้อยกล่าวเพียงว่า "ตุ๊ศรีโทร.ให้มาหาก็มาหา ไม่ได้มีอะไร และมาครั้งนี้เป็นครั้งแรก ตามคำชวนของน้ำหวาน โดนท่านจับมือนิดหน่อยเท่านั้นเอง"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากประชุมกันนานกว่า 2 ชั่วโมง จึงได้ข้อสรุปว่า
พระครูจารุวรรโณภาสจะพิจารณาตนเองถึงเรื่องที่เกิดขึ้น จะสึกหรือจะทำอย่างอื่นก็แล้วแต่จะตัดสินใจ ส่วนพระอธิการบุญศรีต้องให้ออกจากวัดต้นผึ้งทันที ส่วนผู้หญิง 2 คน ให้กลับไปที่พักทันที แล้วทางคณะกรรมการของวัดจะติดต่อทางบ้านให้ทราบและจะคาดโทษไว้ หากเข้ามาที่วัดอีก จะดำเนินการทางกฎหมายทันที
ด้านพระเทพเจติยาจารย์ เจ้าคณะจังหวัดลำพูน และเจ้าอาวาสวัดพระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหาร จ.ลำพูน กล่าวกับชาวบ้านที่นำเรื่องดังกล่าวเข้าร้องเรียนว่า
คณะสงฆ์ได้รับเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว โดยชาวบ้านนำเรื่องที่เกิดขึ้นมาแจ้งให้ทราบ แต่ทางคณะสงฆ์จะต้องดำเนินการตามกระบวนการของสงฆ์ หากพระครูจารุวรรโณภาสกระทำผิดจริง ท่านคงรู้ตัวท่านดี อีกอย่างท่านเป็นถึงรองเจ้าคณะตำบล ทำอะไรลงไปท่านทราบดี ส่วนของทางจังหวัด จะสอบถามไปยังเจ้าอาวาสวัดต้นผึ้งอีกครั้งถึงเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ที่จริงแล้ว เราไม่เห็นท่านอยู่ด้วยกัน 2 ต่อ 2 แต่ก็ยังมีพระอธิการบุญศรีอยู่ด้วย ซึ่งจะต้องสอบหาข้อเท็จจริงต่อไป