เมื่อเวลา 05.00 น. วันที่ 3 ก.พ. พ.ต.ท.ศักดิพัฒน์ เหรียญทอง พนักงานสอบสวน (สบ 2) สน.บางซื่อ รับแจ้งจาก พ.ต.ต.กฤษฎา สนธิ สว.กก.สส.บก.น.1 ว่า นำกำลังติดตามรถเก๋งผู้ต้องสงสัยคดีพยายามฆ่าจากร้านอาหารบาหลี ซอยรัชดาภิเษก 6 จนมาถึงหน้าโรงแรมสุภาพ ปากซอยสุทธิสารวินิจฉัย 1 แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กทม. ได้เกิดการยิงต่อสู้กัน ส่งผลให้กลุ่มผู้ต้องสงสัยบาดเจ็บ 1 ราย จึงรายงานผู้บังคับบัญชาแล้วรุดไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุพบรถเก๋งยี่ห้อฮอนด้า รุ่นแจ๊ซ สีชมพู ทะเบียน ษฬ 7957 กรุงเทพมหานคร จอดอยู่ในสภาพกระจกหลังถูกกระสุนแตกละเอียด
กันชนด้านท้ายหลุดกองกับพื้น ส่วนบริเวณเบาะหลังด้านขวา พบปืน 9 มม. ยี่ห้อซีแซด ตกอยู่ 1 กระบอก มีรถกระบะ ยี่ห้ออีซูซุ รุ่นดีแมคซ์ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน ษศ 4957 กรุงเทพมหานคร ของเจ้าหน้าที่ตำรวจจอดอยู่ใกล้เคียงกัน บริเวณกระโปรงหน้ามีรอยเฉี่ยวของกระสุนคนร้ายหลายนัด โดยชุดสืบสวนได้ควบคุมตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุจำนวน 4 คน ประกอบด้วย นายธวัชชัย สมบูรณ์ อายุ 25 ปี คนขับรถ นายอรรถพล กิตติพิมานชัย อายุ 25 ปี น.ส.นภัสนันท์ ยังเหลือ อายุ 26 ปี และ น.ส.รติรส ทั่งนาค อายุ 23 ปี ที่ถูกยิงด้วยปืนไม่ทราบขนาดเข้าที่ต้นแขนขวาได้รับบาดเจ็บ
สอบสวนได้ความว่า
เมื่อคืนวันที่ 2 ก.พ.ที่ผ่านมา เกิดเหตุคนร้ายใช้ปืนยิงวัยรุ่นคู่อริที่ไปเที่ยวร้านอาหารบาหลี ซอยรัชดาภิเษก 6 ได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดเขตท้องที่ สน.ห้วยขวาง พ.ต.อ.ประภาส ปิยะมงคล ผกก. สส.บก.น.1 จึงมอบให้ พ.ต.ต.กฤษฎา สนธิ สว.กก.สส.บก.น.1 พร้อมด้วย ด.ต.สมพงษ์ พันเหลา ส.ต.อ.ประกิต เจริญพร ออกสืบสวน กระทั่งได้ข้อมูลผู้ต้องสงสัยจะเป็นมือปืนรายนี้คือ นายอรรถพล กิตติพิมานชัย อายุ 25 ปี ที่ย่ามใจพาพวกย้อนกลับเข้าไปเที่ยวในร้านอีกครั้ง ทีมสืบสวน บก.น.1 จึงไปซุ่มสังเกตการณ์จนพบตัว แต่นายอรรถพลกลับไหวทันวิ่งหนีขึ้นรถฮอนด้า แจ๊ซขับออกไปตามถนนรัชดาภิเษก เลี้ยวเข้าถนนอินทามระทะลุออกถนนสุทธิสารวินิจฉัย พ.ต.ต.กฤษฎากับพวกขับรถกระบะไล่ตามทันตรงบริเวณที่เกิดเหตุ เลยตัดสินใจพุ่งชนท้ายให้รถผู้ต้องสงสัยหยุดก่อนลงมาแสดงตัวขอตรวจค้น แต่นายอรรถพลกลับชักปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงเกิดการปะทะกันทำให้กระสุนไปถูก น.ส.รติรส ทั่งนาค เพื่อนสาวที่นั่งอยู่ในรถบาดเจ็บเบื้องต้น พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างสอบปากคำทั้ง 2 ฝ่ายเพิ่มเติม แต่ดำเนินคดีกลุ่มของนายธวัชชัย ข้อหาพยายามฆ่าเจ้าพนักงานในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ และต่อสู้ขัดขวางการจับกุมไว้ก่อน