เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 2 ก.พ. พ.ต.ต.อดิศร แก้วโหมดตาด พนักงานสอบสวน (สบ 2) สน.หนองค้างพลู รับแจ้งเหตุยิงกันและมีผู้เสียชีวิต ที่ร้านขายของชำไม่มีชื่อ เลขที่ 23/5 ซอยเพชรเกษม 112 ถนนเพชรเกษม แขวงหนองค้างพลู เขตหนองแขม รุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ. สมชาย พงษ์ธานี ผกก. สน.หนองค้างพลู ตำรวจ กก.สส. บก.น. 9 และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน
ที่เกิดเหตุเป็นตึกแถว 4 ชั้น 1 คูหา ด้านล่างเปิดเป็นร้านขายของชำ
บริเวณหน้าร้านพบกองเลือดกองใหญ่ รถจักรยานยนต์ยี่ห้อซูซูกิแบบผู้หญิง ทะเบียน สบข 988 กทม. และจักรยานยนต์ฮอนด้า เวฟ ทะเบียน รตค 275 กทม. ล้มอยู่ 2 คัน ปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม. ประมาณ 20 ปลอก หัวกระสุน 3 นัด ตกเกลื่อนพื้นถนน รองเท้าแตะ 2 คู่ ข้าวของที่วางขายหน้าร้านล้มระเนนระนาด เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ส่วนคนเจ็บพลเมืองดีนำส่งโรงพยาบาลศรีวิชัย 2 ทราบชื่อต่อมามีนางบุญจบ พูนสมบัติ อายุ 52 ปี เจ้าของร้านชำที่เกิดเหตุ ถูกยิงที่หน้าท้อง 1 นัด หน้าแข้งซ้าย 2 นัด และที่ต้นขาขวา 1 นัด อาการพ้นขีดอันตราย คนที่ 2 นางแจ่มจันทร์ พูนสมบัติ อายุ 25 ปี ลูกสาวนางบุญจบ และกำลังตั้งครรภ์ได้ 5 เดือน ถูกยิงเข้าที่หน้าอกซ้าย ชายโครงซ้าย ต้นขาขวา และหน้าแข้งซ้ายขวา รวม 8 นัด เสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนรายสุดท้ายชื่อนายเสกสรรค์ วงศ์กันหา อายุ 40 ปี สามีนางแจ่มจันทร์ ถูกยิงที่หน้าแข้งซ้าย 1 นัด
สอบสวนนายวรงค์ พูนสมบัติ อายุ 28 ปี พี่ชาย ผู้ตาย ให้การว่า
ก่อนเกิดเหตุประมาณ 10 โมงเช้า มีผู้หญิงวัยรุ่นมาซื้อผลไม้รถเข็นที่จอดขายอยู่หน้าร้านก่อนเดินหายไป สักครู่ผู้หญิงคนดังกล่าวกลับมาอีกครั้ง ก่อนกล่าวหาว่าน้องสาวตนที่ตั้งท้อง 5 เดือน เป็นคนถุยน้ำลายจากด้านบนตึกลงมาใส่ น้องสาวตนได้ปฏิเสธพร้อมระบุว่า จะถุยน้ำลายลงมาได้อย่างไรเพราะหน้าร้านมีกันสาดยื่นออกมา ทำให้ทั้งคู่โต้เถียงกันก่อนผู้หญิงคนดังกล่าวจะเดินจากไปด้วยความโมโหพี่ชายเหยื่อโหดให้การอีกว่า ต่อมาขณะตนนั่งอยู่ หน้าร้าน ส่วนน้องสาว แม่ และน้องเขย นั่งอยู่ในร้าน มีคนร้ายขี่จักรยานยนต์ซูซูกิ 1 คัน และจักรยานยนต์ฮอนด้ามีคนขี่และซ้อน 2 คน แต่งกายด้วยชุดซาฟารีสีน้ำเงินมาจอดหน้าร้าน ก่อนคนซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้า ลงจากรถตรงเข้ามาหน้าร้าน พร้อมตะโกนบอกคนข้างในว่า “เตรียมตัวกันให้ดี กินข้าวปลาให้เรียบร้อย” พูดจบคนร้ายได้ชักปืนออกมายิงใส่เข้าไปในร้าน ก่อนคนที่ขี่จักรยานยนต์ฮอนด้าเดินลงมาชักปืนช่วยระดมยิงหลายสิบนัดอย่างบ้าคลั่ง ท่ามกลางความตกใจของคนในครอบครัว
นายวรงค์ให้การต่อว่า
พอตั้งสติได้พี่เขยตนได้วิ่งขึ้นไปชั้น 2 หยิบปืน .38 มายิงต่อสู้กับคนร้ายก่อนโดนคนร้ายยิงเข้าที่ขาซ้าย 1 นัด ขณะเกิดเหตุตนสังเกตว่าคนร้ายจ้องจะยิงน้องสาวคนเดียว ขนาดตนอยู่ที่หน้าร้านก็ไม่ยิง พอคนร้ายระดมยิงจนหนำใจแล้วได้พากันวิ่งหนีไปทางด้านหลังตึก ตนจึงได้ช่วยกันนำร่างคนเจ็บส่งโรงพยาบาล ส่วนสาเหตุคาดว่าเกิดจากการโต้เถียงกันเรื่องถุยน้ำลายคู่กรณีจึงไปตามคนร้ายมาก่อเหตุ เพราะครอบครัวไม่เคยมีเรื่องกับผู้หญิงคู่กรณีหรือกลุ่มคนร้ายมาก่อน
เบื้องต้นตำรวจสอบสวนพยานในที่เกิดเหตุให้การสอดคล้องกันว่า แก๊งคนร้ายลงมือโหดครั้งนี้ประกอบด้วยนายพงษ์ศักดิ์
หรือฉายาเล็ก แสบ นายศักดิ์นรินทร์ซึ่งเพิ่งจะพ้นโทษคดียาบ้า และนายเก่ง ทั้ง 3 คน เป็นคนรับใช้และคนขับรถของนักการเมืองท้องถิ่นละแวกที่เกิดเหตุ ชุดสืบสวนจึงนำรูปภาพคนร้ายไปให้คนเจ็บชี้ยืนยันก่อนออกหมายจับ ส่วนผู้หญิงต้นเหตุทราบว่าเป็นเสมียนบัญชีโรงงานแห่งหนึ่งยังไม่ทราบชื่อสกุลจริง ได้เร่งออกหาเบาะแสและรอสอบปากคำผู้เสียหายหาปมความขัดแย้งเพื่อสรุปชนวนเหตุสังหารโหดต่อไป