ตร.กัดไม่ปล่อย! เตรียมจับเพิ่ม 17 พันธมิตรฯ

ตร.กัดไม่ปล่อย! เตรียมจับเพิ่ม 17 พันธมิตรฯ

นายสำราญ รอดเพชร

โดย ทีมข่าวอาชญากรรม ผู้จัดการออนไลน์ 12 พฤษภาคม 2549 17:27 น.

พล.ต.ท.ชัยยันต์ มะกล่ำทอง หัวหน้าทีมสอบสวนคดีพันธมิตรฯ ชุมนุมไล่ ทักษิณ เดินทางเอาผิดผู้เกี่ยวข้อง โดยเตรียมออกหมายเรียกเพิ่มพันธมิตรอีก 17 คน ด้าน สุวัตร ยืนยันพันธมิตรชุมนุมตามสิทธิของรัฐธรรมนูญ และถูกตำรวจกลั่นแกล้ง

วันนี้ (12 พ.ค.) นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงกระแสข่าวที่พนักงานสอบสวนคดีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในความผิดเรื่องความมั่นคงต่อรัฐในราชอาณาจักร กำลังรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อเตรียมออกหมายเรียกผู้เกี่ยวข้องกับพันธมิตรฯ อีก 17 คน ว่า เรื่องนี้ตนก็ทราบมาก่อนแล้วว่าพนักงานสอบสวนกำลังรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อเอาผิดกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ตนยืนยันอยู่เสมอว่า การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ เป็นการใช้สิทธิตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ ซึ่งการที่ตำรวจดำเนินการเช่นนี้ถือเป็นการกลั่นแกล้งให้กลุ่มพันธมิตรถูกดำเนินคดี ทั้งๆ ที่ไม่ได้กระทำความผิด

อย่างไรก็ตาม นายสุวัตร กล่าวว่า หากกลุ่มพันธมิตรได้รับหมายเรียกแล้วก็จะมีการหารือร่วมกัน โดยทุกคนจะให้การปฏิเสธและพร้อมสู้คดี ซึ่งหากที่ประชุมของพันธมิตรมอบหมายให้ตน เป็นทนายความให้ก็จะเสนอเพื่อรวมเป็นคดีเดียวกัน กับที่ 5 แกนนำพันธมิตรฯ ถูกดำเนินคดีไปก่อนหน้านี้เนื่องจากเป็นข้อหาเดียวกัน

นายสุวิทย์ วัดหนู

ก่อนหน้านี้มีรายงานข่าวแจ้งว่า ขณะนี้ พล.ต.ท.ชัยยันต์ มะกล่ำทอง ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนดำเนินคดีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักร กำลังเร่งรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อเตรียมออกหมายเรียกกลุ่มพันธมิตรฯ เพิ่มเติมอีกจำนวน 17 คน มารับทราบ 5 ข้อหา ประกอบด้วย 1.ร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใดมิใช่เป็นการกระทำโดยความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความเห็น ติชมโดยสุจริตเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในรัฐบาล โดยใช้กำลังข่มขืนเพื่อให้เกิดความปั่นป่วนและกระด้างกระเดื่องก่อให้เกิดความไม่สงบในราชอาณาจักร หรือให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมาย 2.มั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป โดยใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองและมีผู้เป็นหัวหน้าสั่งการ 3.ร่วมกันเดินขบวนลักษณะเป็นการกีดขวางการจราจรโดยไม่ได้รับอนุญาต 4.ร่วมกันวาง ตั้ง หรือแขวนสิ่งใดในลักษณะกีดขวางการจราจรโดยไม่ได้รับอนุญาต และ 5.ร่วมกันโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต

ทั้งนี้ ข้อหาทั้งหมดที่ตำรวจจะดำเนินคดีกลุ่มพันธมิตรฯ เพิ่มเติม เป็นข้อหาเดียวกับที่เคยดำเนินคดี 5 แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ประกอบด้วย นายสนธิ ลิ้มทองกุล, พล.ต.จำลอง ศรีเมือง, นายพิภพ ธงไชย, นายสมศักดิ์ โกศัยสุข และนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ซึ่งขณะนี้คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของอัยการ ซึ่งพนักงานสอบสวนมีคำสั่งฟ้อง และอัยการนัดฟังคำสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องวันที่ 29 พ.ค.นี้

รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับกลุ่มพันธมิตรฯ อีก 17 คนที่จะถูกออกหมายเรียกเพิ่มนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญของพันธมิตรฯ และผู้ที่ปรากฏตัวปราศรัยบนเวที อาทิ นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย, นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ กรรมการพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย, นายสุวิทย์ วัดหนู, นายสำราญ รอดเพชร, นายสาวิทย์ แก้วหวาน, นายอมร อมรรัตนานนท์ โฆษกบนเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และนายภูวดล ทรงประเสริฐ อาจารย์คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป็นต้น

นายสุริยะใส กตะศิลา

ก่อนหน้านี้ พล.ต.ท.ชัยยันต์ มะกล่ำทอง ผู้ช่วย ผบ.ตร.เคยให้สัมภาษณ์ภายหลังจากส่งสำนวนการสอบสวนคดี 5 แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ เสนอสั่งฟ้องอัยการ ยืนยันตำรวจจะขยายผลดำเนินคดีผู้ที่กระทำผิดเกี่ยวข้องกับคดีเดียวกันเพิ่มเติม โดยอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน อย่างไรก็ตามขณะนี้ พล.ต.ท.ชัยยันต์ อยู่ระหว่างเดินทางไปราชการประเทศจีน และจะเดินทางกลับในวันที่ 21 พ.ค.นี้

นายสุวิทย์ วัดหนู โฆษกบนเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า ไม่ทราบรายละเอียดเรื่องนี้ แต่ก็เคยได้ยินมาเหมือนกันว่าจะมีการออกหมายเรียกแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม ก็ไม่มีปัญหา หากมีการออกหมายเรียกมาก็พร้อมจะไปรายงานตัวเพื่อรับทราบข้อกล่าวหา และพร้อมที่จะปฏิบัติตามกระบวนการยุติธรรมอยู่แล้ว

หากมีการออกหมายเรียกจริงเราก็ไม่ได้หวั่นกลัวอะไร เพียงแต่อยากเรียนว่าอำนาจรัฐก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ไม่ใช่มามุ่งเป้าที่แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเท่านั้น แต่กลุ่มอื่นที่มีการชุมนุมในลักษณะคล้ายกันกลับนิ่งเฉยไม่มีการดำเนินการอะไร ก็ถือว่าเป็นการเลือกปฏิบัติ และที่สำคัญเป้าหมายกระบวนการยุติธรรมก็เพื่อที่จะให้สังคมเกิดความผาสุก แต่หากทำให้สังคมเกิดความแตกแยก มีการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย เจ้าหน้าที่ก็ควรที่จะมีความรอบคอบให้มากกว่านี้ นายสุวิทย์ กล่าว

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์