เรื่องพิษรักแรงหึงไม่เคยเข้าใครออกใคร ที่ผ่านมาเกิดปัญหาตามมามากมาย สร้างความสูญเสียและเสียหายมานักต่อนัก
สังเวยรักขมกันมานับไม่ถ้วน!?!
เหมือนกับเหตุฆ่ากันตาย 2 ราย ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ เหตุแรกเป็นแรงหึงของหนุ่มรปภ.ที่เกิดหึงหวงรปภ.สาวเมียเก่าที่แอบไปคบหากับชายคนใหม่ แล้วทนเห็นภาพบาดตาบาดใจไม่ไหว สุดท้ายจึงชัก 11 ม.ม. ออกมาจ่อยิงแสกหน้าเมียเก่าจนถึงแก่ความตายกลางมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งเป็นสถานที่ทำงาน
ขณะที่อีกรายเกิดเหตุกับหนุ่มลูก 2 คลั่งรัก ควงปืน .38 บุกโรงพยาบาลวิชัยยุทธ
กระหน่ำยิงพีอาร์สาวที่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งถึง 4 นัด ก่อนจ่อขมับฆ่าตัวตายตามคาเคาน์เตอร์โรงพยาบาล ทิ้งจดหมายคร่ำครวญถึงความรักที่มีให้ แต่ฝ่ายหญิงไม่เข้าใจสุดท้ายเลยตัดสินปัญหาด้วยความตาย
ล้วนเป็นเหตุน่าเศร้าใจทั้งสิ้น!?!
ย้อนกลับไปดูเหตุร้ายรายแรก เกิดขึ้นตอนเที่ยงวันที่ 24 ม.ค. ตำรวจสน.บางเขน รับแจ้งเหตุยิงกันภายในรั้วมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน บริเวณใกล้ประตูทางเข้าด้านถนนวิภาวดีรังสิต พ.ต.ท.ปรีชา เอี่ยมพ่อค้า พงส.(สบ.3) จึงรายงานให้ พ.ต.ท.คมสันต์ ร่วมสนิท รองผกก.ปป. พ.ต.ท.ภูดิท จิตตธรรม สว.สส. พ.ต.ต.กลภัทร์ มากมา สวป.นำกำลังรุดไปตรวจสอบ
เมื่อไปถึงพบที่เกิดเหตุอยู่ริมถนนสุธรรมอารีกุล
ด้านหลังสนามกีฬาฮอกกี้ พบร่างนางสายชล ลาทน อายุ 30 ปี มีภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 48 ม.11 ต.บ้านติ้ว อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ รปภ. มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ถูกจ่อยิงกระสุนเข้าหน้าผากทะลุกราม นอนหายใจรวยรินอยู่ริมฟุตปาธ ข้างๆ รถมอ เตอร์ไซค์ฮอนด้า เวฟ สีบรอนซ์ ทะเบียน กลก 956 เพชรบูรณ์ ของเธอ เจ้าหน้าที่ป่อเต็กตึ๊งจึงรีบทำการปั๊มหัวใจเพื่อช่วยชีวิต แต่นางสายชลไม่สามารถทนพิษบาดแผลจากอำนาจทะลุทะลวงของกระสุนปืนขนาด 11 ม.ม. ได้ จึงสิ้นใจตายอย่างน่าสลด
2เหตุเซ่นพิษรักขม รปภ.ฆ่าในม.เกษตรฯ ยิงพีอาร์สาวกลางร.พ.
นายประวิทย์ แซ่ซิ้ม อายุ 25 ปี เพื่อนรปภ.ด้วยกันให้การว่า
คนร้ายไม่ใช่ใครที่ไหน คือนายวินัย จันทร์ศร อายุ 43 ปี มีภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 36/4 ม.2 ต.บางพูน อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ซึ่งเป็นรปภ.ด้วยกันและเป็นสามีเก่าของนางสายชล แต่ระยะหลังทั้งคู่มีปากเสียงกันบ่อย เพราะนางสายชลจับได้ว่านายวินัยมีภรรยาอยู่แล้ว จนท้ายสุดก็เลิกรากันมาได้ประมาณปีกว่า แต่นายวินัยก็ยังตามง้องอนขอคืนดี ซึ่งต่อมานางสายชล มาคบหากับนายสุทธิชัย จันทร์เพ็ญ อายุ 30 ปี เจ้าหน้าที่รปภ.ด้วยกัน ทำให้นายวินัยไม่พอใจและตามรังควานทั้งคู่อยู่หลายหน ก่อนเกิดเหตุตนนั่งอยู่กับนายวินัยที่ซุ้มใกล้ทางเข้ามหาวิทยาลัย ส่วนนางสายชลนั่งคุยอยู่กับนายสุทธิชัย ตรงจุดที่เกิดเหตุ จู่ๆ นายวินัยก็ขี่รถมอเตอร์ไซค์ตรงเข้าไปหาทั้ง 2 คน ก่อนชักอาวุธปืนขึ้นมาเพื่อจะยิงนายสุทธิชัย แต่นางสายชลลุกขึ้นกระโดดขวาง เลยโดนยิงเข้าที่แสกหน้าจนสิ้นใจตาย
จากนั้นนายวินัยก็หลบหนีเข้ากลีบเมฆ
ส่วนเหตุสลดอีกรายเกิดขึ้นในวันถัดไป เช้าตรู่วันที่ 25 ม.ค.
พ.ต.ต.เทพพิทักษ์ แสงกล้า สารวัตรเวร สน.พญาไท รับแจ้งเหตุยิงกันตายในโรงพยาบาลวิชัยยุทธ ย่านพญาไท จึงรุดไปตรวจสอบ พบว่าที่เกิดเหตุเป็นอาคารเก่าของร.พ.วิชัยยุทธ ซึ่ง ปิดทำการมาตั้งแต่วันที่ 15 ม.ค.ที่ผ่านมา แต่ยังเปิดให้เจ้าหน้าที่ของร.พ.พักอาศัยอยู่ ที่บริเวณเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ของอาคารพบศพนายไชยนันท์ พุท กัน อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 120/9 หมู่ 1 ต.บ้านเกาะ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร พนักงานบริษัท ทาคูนิ ประเทศไทย จำกัด ย่านหนองแขม มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด .38 เข้าขมับซ้ายทะลุขวา และ ศพน.ส.สุชาดา ธีราพงษ์ อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 67/183 หมู่ 10 ซอยเอกชัย 10/1 ถนนจอมทอง แขวงจอมทอง เขตบางขุนเทียน กทม. เป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ ร.พ.วิชัยยุทธ ถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาดเดียวกันเข้าแขนขวาทะลุหน้าท้อง 1 นัด ลำคอทะลุท้ายทอย 1 นัด และหน้าอก 2 นัด รวม 4 นัดนอนตายเกยกัน
ในที่เกิดเหตุพบอาวุธปืนขนาด .38 ลูกโม่ ภายในรังเพลิงมีปลอกกระสุนปืน 5 ปลอก
และพบหัวกระสุนปืนอีก 4 หัวตกอยู่ ตรวจสอบ ศพนายไชยนันท์ พบจดหมาย 1 ฉบับ เขียนข้อความจ่าหน้าว่า "ไม่ใช่จดหมายลาตายนะครับ เขียนเผื่อไว้เฉยๆ" แต่จดหมายฉบับดังกล่าวเปียกชุ่มไปด้วยเลือด ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องนำไปตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์อีกครั้ง
นายธนวัฒน์ พรติโพธิ อายุ 44 ปี เจ้าหน้าที่แม่บ้าน ให้การว่า
ก่อนเกิดเหตุนั่งกินข้าวอยู่ที่ชั้นใต้ดินของอาคารห่างจากที่เกิดเหตุไม่มากนัก สังเกตเห็นน.ส.สุชาดา เพิ่งออกเวรเดินจากอาคารใหม่ของร.พ.วิชัยยุทธ อยู่ฝั่งตรงข้าม ขณะที่น.ส.สุชาดาเดินมาถึงประตูด้านหน้าอาคาร พบกับนายไชยนันท์ที่ดักรออยู่หน้าประตูทางเข้า น.ส.สุชาดา แสดงท่าทางตื่นตกใจและรีบปิดประตู พร้อมทั้งบอกให้รปภ.สกัดนายไชยนันท์ ห้ามเข้ามาในอาคาร แต่นายไชยนันท์วิ่งพรวดตามเข้ามา เมื่อนายไชยนันท์เดินเข้ามาหา น.ส.สุชาดา วิ่งเข้าไปหลบที่บริเวณด้านหลังเคาน์เตอร์ ก่อนที่ทั้ง 2 คนจะมีปากเสียงทะเลาะกันอย่างรุนแรง จนกระทั่งได้ยินเสียงน.ส.สุชาดา ร้องขอความช่วยเหลือ และบอกให้ไปเรียกรปภ.มาช่วยเหลือ ขณะที่กำลังวิ่งไปเรียกรปภ.ที่หน้าประตูทางเข้าได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด เมื่อวิ่งกลับเข้ามาดูพร้อมกับรปภ.ก็พบทั้งคู่นอนจมกองเลือดเแล้ว
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างความเศร้าเสียใจให้ญาติพี่น้องทั้ง 2 ฝ่าย
โดยนายสนอง ธีราพงษ์ อายุ 53 ปี พ่อของน.ส.สุชาดาแทบช็อกเมื่อทราบข่าวร้ายว่าลูกสาวถูกยิงตาย โอดครวญว่าที่ผ่านมาลูกไม่เคยเล่าอะไรให้ฟัง และตนเองก็ไม่เคยรู้จักนายไชยนันท์ด้วยซ้ำ ไม่น่าคิดสั้นทำอะไรแบบนี้
ขณะที่นายธนศักดิ์ พุทกัน อายุ 55 ปี พ่อนายไชยนันท์ หลังทราบข่าวก็แทบเป็นลมล้มทั้งยืนเช่นกัน ด้วยเพราะนายไชยนันท์ยังมีลูกน้อยที่ต้องเลี้ยงดูอีก 2 คน
เศร้าสลดทั้ง 2 กรณี