สาวไส้พฤติกรรม ตชด. นอกรีต สีเดียวกันยังไม่เว้น

สาวไส้พฤติกรรมตชด.'ณัฎฐ์' ตร.ด้วยกันยังเจอ ร.ต.ท.ตร.ปราบเสพติดพร้อมลูกน้องล่อซื้อยาบ้า เจอปืนจี้จับใส่กุญแจมือ ไฟช็อร์ตให้สารภาพแต่คดีหายต๋อม ตร.เล็งสั่ง'พ.ต.ท.สุรกิตต์'หน.ชุด ตชด.นอกรีตออกจากราชการ เหยื่อโผล่อีกโดนรีด 1 แสน

ตร.ด้วยกันเอง3คนยังเจอตชด.ยัดข้อหา


พฤติกรรม ร.ต.อ.ณัฎฐ์ ชนนิธิวนิช ตชด.นอกรีด สังกัด กก.ตชด.42 จ.นครศรีธรรมราช ช่วยราชการ กก.ตชด.ที่ 41 จ.ชุมพร ยังคงถูกสาวออกมาตีแผ่เรื่อยๆ หลังจากถูกจับกุมพร้อมลูกน้อง 8 คน ในคดีจับลูกเศรษฐินีไปเรียกค่าไถ่ ในขณะที่มีผู้เสียหายอีกหลายรายทยอยเข้าแจ้งความ กล่าวหาถูก ตชด.กลุ่มนี้ ยัดยาบ้าแล้วรีดเงินเพื่อแลกกับอิสรภาพ โดยเมื่อวันที่ 30 มกราคม ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ว่า จากการตรวจสอบข้อมูลจากศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ พบว่า ร.ต.อ.ณัฎฐ์ และพวก เคยก่อคดียัดยาบ้าตำรวจปราบปรามยาเสพติดยศ ร.ต.ท. พร้อมลูกน้อง 2 นาย เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2550 จนเป็นเหตุให้นายตำรวจทั้ง 3 นายถูกให้ออกจากราชการไว้ก่อน ต่อมามีการส่งเรื่องให้คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ทราบเพื่ออุทธรณ์คำสั่ง แต่มีความพยายามในการปิดข่าวเนื่องจากว่าจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างหน่วยงาน


ทำหนังสือร้องเจอช็อร์ตจนต้องยอม


ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2550 ร.ต.ท.ศรัญญู สุรินรังษี รองสารวัตรกองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปรามยาเสพติด 2 (รอง สว.กก.1บก.ปส.2) ปฏิบัติราชการ กก.2 บก.ปส.2 ด.ต.ศักดิ์ชัย ชิดชาญชัย ผบ.หมู่ กก.2 บก.ปส.2 และ ส.ต.อ.จีระพัฒน์ สิทธิตัน ผบ.หมู่ กก.3 บก.ปส.2 ปฏิบัติราชการ กก.2 บก.ปส.2 ทำหนังสือถึงประธาน ก.ตร.เรื่องอุทธรณ์คำสั่ง เรื่องการออกจากราชการไว้ก่อน หนังสือระบุว่า ร.ต.ท.ศรัญญู พร้อมผู้ใต้บังคับบัญชา ขออนุมัติผู้บังคับบัญชา สืบสวนจับกุมเฮียชัย ผู้จำหน่ายยาเสพติดในพื้นที่ภาคใต้ ที่สั่งซื้อยาเสพติดจากสายของตำรวจปราบปรามยาเสพติด ในพื้นที่ จ.เชียงราย นัดพบกับสายลับที่ลานจอดรถห้างโลตัส บางเขนในวันที่ 7 ตุลาคม 2550

เมื่อไปซุ่มรอในรถยนต์ ต่อมามีชายฉกรรจ์ 4 คน ใช้ปืนจี้บังคับให้ลงจากรถ

โดยบอกว่าเป็นตำรวจ แม้ ร.ต.ท.ศรัญญู แจ้งให้ทราบว่าเป็นตำรวจมาล่อซื้อยาเสพติดเช่นกัน แต่ชายฉกรรจ์เหล่านั้นไม่ยอมเชื่อ ได้สั่งให้ลงจากรถ แล้วจับใส่กุญแจมือ ก่อนจะพาขึ้นรถยนต์ไปขังอยู่ที่อารีย์เพรสซิเด้น โดยจับแยกขัง ห้องละคน คลุมหัว ก่อนจะซ้อมรายคนโดยใช้ไฟช็อร์ต และบอกว่า มีทางเลือกสองทาง 1 วิสามัญ หรือ 2 ต้องยอมติดคุก ทำให้ตำรวจทั้ง 3 นาย ต้องยอมเซ็นรับสารภาพ เพราะทนการทรมานไม่ไหวและกลัวจะถูกฆ่า


แจ้งความไว้ตั้งแต่ต.ค.50คดีหายต๋อม


หนังสือร้องเรียนยังระบุอีกว่า ร.ต.อ.ณัฎฐ์ได้สั่งให้ตำรวจ ปส.ทั้ง 3 นายนั่งในรถและสั่งให้ชี้ไปที่กล่องบรรจุยาเสพติด ก่อนจะถ่ายภาพประกอบคำรับสารภาพ จากนั้นได้นำตัวตำรวจ ปส.ทั้ง 3 นาย ไปที่ สน.บางซื่อ ถัดมาพาไปที่ สน.บางเขน เพื่อส่งให้พนักงานสอบสวน แล้วส่งต่อไปฝากขังที่ศาลอาญา ซึ่งที่นั่นทั้ง 3 นาย ได้พบสายลับที่เตรียมจะล่อซื้อยาบ้าถูกขังอยู่ในสภาพสะบักสะบอม ถูกทำร้ายร่างกายมาอย่างหนัก หลังจากประกันตัว ตำรวจทั้งสามนายได้ไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันเพื่อดำเนินคดีกับ ร.ต.อ.ณัฎฐ์ ในข้อหาทำร้ายร่างกาย กักขังหน่วงเหนี่ยว ทำให้ต้องได้รับโทษทางอาญา ไว้ที่กองปราบปราม เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2550 โดยมี พ.ต.ท.ไพรินทร์ แจ่มจำรัส พงส.สบ.3 บก.ป. เป็นผู้รับเรื่องไว้ ที่ผ่านมายังไม่มีการดำเนินการแต่อย่างใด


รายงานข่าวจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติแจ้งอีกว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ ปส.ทั้ง 3 นาย เป็นนายตำรวจที่มีความประพฤติดี มีผลงานปราบปรามยาเสพติดอย่างต่อเนื่อง และขณะนี้ได้ทำหนังสือขอกลับเข้ารับราชการแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะอนุกรรมการ ก.ตร.อุทธรณ์ ที่มี พล.ต.ท.พิชิต ควรเดชะคุปต์ เป็นประธาน



เล็งสั่งหน.ชุดร.ต.อ.ณัฎฐ์ออกจากราชการ


ส่วนที่ สน.เพชรเกษม พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.วัจนนท์ ถิระวัฒน์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) สอบถาม นางจุฑาพร นุ่นรอด อายุ 34 ปี 1 ในผู้เสียหายที่เคยถูกกลุ่ม ร.ต.อ.ณัฎฐ์อุ้มไปยัดยาบ้าและทรมานร่างกายโดยใช้ไฟฟ้าช็อร์ตในโรงแรมม่านรูดในซอยเพชรเกษม 81 เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2550 แต่ภายหลังศาลพิพากษายกฟ้องเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2550 และนางจุฑาพรเข้าแจ้งความที่สน.บางพลัด เมื่อวันที่ 28 มกราคมที่ผ่านมา โดย พล.ต.ท.พงศพัศ ได้นำกระเช้าเครื่องใช้เด็กอ่อน ตุ๊กตา และเครื่องเขียน พร้อมเงินสดจำนวนหนึ่งมอบให้นางจุฑาพร
 
พล.ต.ท.พงศพัศเปิดเผยว่า ล่าสุด ทาง ผบ.ตร.ได้มีคำสั่งให้ พ.ต.ท.สุรกิตต์ คล้ายอุดม รอง ผกก.ตชด.41 จ.ชุมพร หัวหน้าชุด ร.ต.อ.ณัฎฐ์ออกจากราชการไว้ก่อน
 
พล.ต.ท.พงศพัศกล่าวว่า ในส่วนของผู้เสียหายนั้น ขณะนี้ได้เข้ามาแจ้งความไว้แล้ว 8 ราย ส่วนอีก 4-5 รายที่เหลืออยู่ระหว่างประสานงานให้เข้ามาแจ้งความ ส่วนเรื่องค่าเสียหาย หากผู้เสียหายจะดำเนินการฟ้องแพ่ง ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่ขัดข้อง ยินดีรับผิดชอบ ส่วนเรื่องความปลอดภัยของผู้เสียหายแต่ละรายนั้นสั่งการให้ตำรวจในท้องที่เข้าไปดูแลแล้ว นางจุฑาพรกล่าวว่า เรื่องฟ้องแพ่ง ขอปรึกษากับทนายความก่อน


พ.ต.ท.สุรกิตต์บอก 'ผมไม่ได้สั่งให้ทำ'


ต่อมาเวลา 12.00 น. พล.ต.ท.พงศพัศ พร้อม พล.ต.ต.วัจนนท์ และ พ.ต.อ.กฤตภาส เพ็ญกิตติ รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 7 (รอง ผบก.น.7) เดินทางไปที่ สน.บางพลัด เบิกตัว พ.ต.ท.สุรกิตต์ ออกจากห้องขังเพื่อมาสอบปากคำโดยมีนายรอศักดิ์ นุชนารถ ทนายความ พ.ต.ท.สุรกิตต์ ร่วมรับฟังการสอบปากคำด้วย ขณะที่สิบเวรนำตัว พ.ต.ท.สุรกิตต์ ออกจากห้องขังนั้น พ.ต.ท.สุรกิตต์ยกมือขึ้นทั้งสองข้าง พร้อมกล่าวว่า "ผมยืนยันว่าไม่ได้ทำ ผมไม่ได้สั่งให้ใครทำ" ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ทำไมถึงพูดว่าเรื่องนี้เหมือนเป็นการทำลายล้าง ตชด. พ.ต.ท.สุรกิตต์ตอบว่า "เรื่องนี้ข่าวออกบ่อย ทำให้ส่งผลเสียต่อหน่วยงานของผม" จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้คุมตัวเข้าไปสอบสวน
 

หลังจากสอบปากคำไปประมาณ 1 ชั่วโมง มีโทรศัพท์ถึง พล.ต.ท.พงศพัศ

หลังคุยโทรศัพท์เสร็จ พล.ต.ท.พงศพัศหันไปพูดคุยกับ พ.ต.ท.สุรกิตต์ จากนั้น พ.ต.ท.สุรกิตต์ก็ถึงกับน้ำตาไหล ต้องลุกขึ้นเดินไปเช็ดน้ำตาด้านหลังห้องสอบสวน ต่อมาเวลา 13.30 น.หลังสอบปากคำเสร็จ ตำรวจคุมตัว พ.ต.ท.สุรกิตต์กลับเข้าห้องขัง โดยพ.ต.ท.สุรกิตต์กล่าวว่า ขอให้พวกที่ยังหลบหนีอยู่เข้ามามอบตัว ส่วนพวกที่ถูกจับกุมไปแล้วก็ขอให้รับสารภาพ พูดแต่ความจริงกันทั้งหมด ถูกจำคุกก็ไม่เป็นไร ไม่ตายหรอกเพราะไม่ได้ฆ่าใครตาย หลังจากนั้นจะได้ออกมาทำมาหากินเลี้ยงลูกเลี้ยงเมีย


เซ็นชื่อปล่อยเข้ากรุงแล้วไม่เกี่ยว


ผู้สื่อข่าวถามว่า ทราบหรือไม่ว่าลูกน้องเข้ามาก่อเหตุในพื้นที่ กทม. พ.ต.ท.สุรกิตต์ตอบว่า ทราบเรื่องเพราะเป็นคนเซ็นชื่อให้กลุ่มของ ร.ต.อ.ณัฎฐ์เข้ามาปฏิบัติงาน แต่หลังจากนั้นก็มาเข้าโรงเรียนผู้กำกับการ จึงไม่ทราบเรื่องและไม่ได้ดูแลลูกน้องอีกเลย "ผมไม่ได้แก้ตัว เนื่องจากเป็นคนเซ็นคำสั่งเมื่อวันที่ 6 มกราคม แต่หลังจากนั้นก็หมดหน้าที่รอง ผกก.และมาเข้าโรงเรียนผู้กำกับการ" พ.ต.ท.สุรกิตติ์กล่าว


พล.ต.ท.พงศพัศเปิดเผยว่า ตนกับ พล.ต.ต.วัจนนท์ ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนของ บช.น.ได้เข้ามาพูดคุยกับผู้ต้องหารายล่าสุดที่ถูกออกหมายจับ และเข้ามามอบตัว

ซึ่งก็ให้การเป็นประโยชน์  สำหรับผู้ต้องหารายล่าสุดที่เข้ามามอบตัวนั้น ทางกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดนได้มีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนเหมือนกับผู้ต้องหารายอื่นๆ นายรอสัก นุชนารถ ทนายความ พ.ต.ท.สุรกิตติ์ เปิดเผยว่า พ.ต.ท.สุรกิตติ์รู้สึกเสียใจ เพราะก่อนหน้านี้ทำงานจับคดียาบ้า ยาไอซ์มากว่า 700 คดี แต่ทาง พ.ต.ท.สุรกิตติ์ เข้มแข็ง ไม่ได้ร้องขออะไร บอกว่าพร้อมจะสู้เต็มที่และยืนยันว่าบริสุทธิ์ใจทุกอย่าง และไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้น เพราะขณะนั้นเข้าโรงเรียนผู้กำกับการ โดยวันที่ 31 มกราคม จะนำตัวไปฝากขังที่ศาลจังหวัดตลิ่งชัน ก่อนจะนำตัวส่งเรือนจำพิเศษธนบุรี

ทั้งนี้ พ.ต.ท.สุรกิตติ์ถูกคุมขังเดี่ยวในห้องสูท และไม่ยอมกินข้าวผัดถั่วใส่ไข่และน้ำ โดนเขวี้ยงทิ้งและรู้สึกเครียด เดินวนเวียนไปมาในห้องขังตลอดเวลา


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์