เมื่อเวลา 03.00 น. วันที่ 29 ม.ค. นาวาเอกสมหมาย สุกกอ ผู้บังคับการหน่วยรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำน้ำโขง (ผบ.นรข.)
ได้รับรายงานว่าจะมีการลักลอบนำสัตว์ป่าหวงห้ามข้ามส่งไปยังประเทศเพื่อนบ้าน บริเวณชายแดนบ้านคับพวง ต.น้ำก่ำ อ.ธาตุพนม จ.นครพนม เพื่อส่งต่อไปขายที่ประเทศจีน จึงสั่งการให้นาวาตรีธีรนันท์ แดงพันธ์ หัวหน้าสถานีเรือ นรข. อ.ธาตุพนม ประสานกับนายปรีชา คำมุงคุณ ผู้ช่วยด่านตรวจสัตว์ป่านครพนม นำกำลังไปซุ่มจับกุม ระหว่างนั้นพบรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า ไมตี้เอ็กซ์ ตอนเดียว สีแดง ทะเบียน บจ 69 นครพนม และรถกระบะยี่ห้อนิสสัน ฟรอนเทียร์ ตอนเดียว สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน บจ 6577 นครพนม ขับมาจอดเทียบริมแม่น้ำโขงและมีเรือหางยาว 2 ลำจอดรออยู่ โดยมีชายฉกรรจ์ประมาณ 3-4 คน ช่วยกันแบกกระสอบลงจากกระบะท้ายไปกองไว้ริมตลิ่ง เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าจับกุม ปรากฏว่ากลุ่มชายฉกรรจ์ทั้งหมดได้ไหวตัววิ่งหนีไปในความมืด ส่วนเรือหางยาวแล่นหนีข้ามฝั่งลาวไป ทิ้งรถกระบะและกระสอบเอาไว้
จากการตรวจสอบในกระบะท้ายกระบะโตโยต้าพบถุงตาข่ายและกระสอบใส่ตัวนิ่มจำนวน 55 ถุง จำนวน 300 ตัว
ส่วนในกระบะรถนิสสันพบซากเสือพันธุ์ต่างๆ สภาพถูกชำแหละถลกหนังออกจนหมด แยกเป็นเสือโคร่ง 6 ตัว น้ำหนักประมาณตัวละ 150 กิโลกรัม เสือดาว 3 ตัว และเสือลายเมฆ 2 ตัว น้ำหนักตัวละประมาณ 80 กิโลกรัม แต่ละตัวถูกตัดหัว และลำตัวแยกเป็น 2 ท่อนและใช้น้ำแข็งใส่แช่ไว้อย่างดี คิดเป็นมูลค่ากว่า 3 ล้านบาท จึงยึดตัวนิ่มและซากเสือทั้งหมดไว้เป็นหลักฐานเพื่อสืบหาตัวผู้ กระทำผิดมาดำเนินคดี ในข้อหาร่วมกันค้าและมีไว้ในครอบครองซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองและหวงห้าม โดยไม่ได้รับอนุญาต
นาวาตรีธีรนันท์ แดงพันธ์ หัวหน้าสถานีเรือ นรข. อ.ธาตุพนม เปิดเผยถึงการจับกุมในครั้งนี้ว่า
สืบเนื่องจากได้รับรายงานว่าจะมีลักลอบนำสัตว์ป่าหวงห้ามข้ามไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อส่งต่อไปขายที่ประเทศจีน เนื่องจากช่วงนี้เป็นเทศกาลตรุษจีน อีกทั้งเป็นช่วงหน้าหนาว ทำให้มีผู้นิยมนำสัตว์ป่าพวกนี้ไปประกอบเป็นอาหาร เพราะเชื่อว่าเป็นยาชูกำลัง และเป็นอาหารที่หารับประทานยาก ทำให้สัตว์ป่าพวกนี้มีราคาแพง โดยเฉพาะเสือโคร่ง ราคาสูงถึงตัวละประมาณ 5 หมื่นถึง 1 แสนบาท ส่วนตัวนิ่มราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 3,000 บาท ส่วนที่มาเชื่อว่าน่าจะลักลอบนำมาจากภาคใต้ของไทย โดยมีการทำกันเป็นขบวนการ