ทุบรถสาวปลาทู เป็นคดีลวงโลก

กรณีตำรวจ สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี รับแจ้งจากนางสุธาทิพย์ จันทะภาษี อายุ 28 ปี ผู้จัดการฝ่ายการตลาด หจก.พี.ดี.วัน จำหน่ายปลาทูนึ่งปลีกและส่ง

ตั้งอยู่ ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ว่า ขณะขับรถเก๋งมิตซูบิชิแลนเซอร์ ทะเบียน 3ณ-5612 กรุงเทพมหานคร ผ่านในซอยรังสิต-นครนายก 30 ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 28 ม.ค. ถูกคนร้ายเป็นชาย 2 คนขี่รถ จยย.แซงหน้า แล้วใช้ก้อนหินขว้างกระจกหน้าจนแตกร้าว พยายามขับหนีแต่ถูกปาดหน้าบังคับให้จอด ก่อนที่คนร้ายจะลงมาใช้แป๊บเหล็กทุบกระจกประตูหน้าฝั่งซ้ายแตกละเอียด แล้วชิงเอากระเป๋าใส่เงินสดของที่ทำงาน 911,000 บาท ที่จะนำไปฝากธนาคาร และถุงใส่ปลาทูนึ่งอีก 1,000 ตัว หลบหนีไปนั้น
 

ความคืบหน้าของคดีหลังจากตำรวจสอบปากคำอย่างละเอียดพบพิรุธหลายอย่าง จึงเค้นสอบสวนอย่างหนัก

ในที่สุดนางสุธาทิพย์ก็ยอมรับสารภาพว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการสร้างสถานการณ์จัดฉากกุเรื่องขึ้นมาทั้งหมด ไม่ได้ถูกคนร้ายชิงทรัพย์แต่อย่างใด โดยเมื่อเวลา  11.00 น. วันที่ 29 ม.ค. ที่ สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ พล.ต.ท.รชต เย็นทรวง ผบช.ภ.1 พร้อมพวก ร่วมแถลงข่าวจับกุมนางสุธาทิพย์ หรือจิณณตฒ์ จันทะภาษี อายุ 28 ปี ในข้อหามีความผิดฐานรู้ว่ามิได้มีการกระทำความผิดอาญาเกิดขึ้น แจ้งข้อความแก่เจ้าพนักงานสอบสวนคดีอาญาว่าได้มีการกระทำความผิดและทำพยานหลักฐานอันเป็นเท็จเพื่อให้เชื่อได้ว่ามีความผิดอาญาอย่างใดเกิดขึ้น นอกจากนี้ยังดำเนินคดีกับ น.ส.ศรีไพร ม่วงเกษม หรือเจ๊หมวย อายุ 37 ปี เจ้าของร้านอาหารในซอยที่เกิดเหตุ และนายมานพ กระโจม อายุ 20 ปี พนักงานเสิร์ฟ ข้อหาเป็นผู้ให้การสนับสนุนทำพยานหลักฐานเท็จเพื่อให้พนักงาน สอบสวนคดีอาญาเชื่อว่าได้มีความผิดอย่างใดเกิดขึ้น


พล.ต.ท.รชต เย็นทรวง ผบช.ภ.1 เปิดเผยว่า

หลังเกิดเหตุได้สั่งการให้ พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง รอง ผบช.ภ.1 และ พล.ต.ต.ประพันธ์ พานิคม ผบก.ภ.จ. ปทุมธานี สืบสวนติดตามล่าตัวคนร้ายอย่างเร่งด่วน พร้อมประสานเจ้าหน้าที่วิทยาการมาตรวจสอบสภาพที่เกิดเหตุและรถยนต์ของผู้เสียหายอย่างละเอียด แต่ขณะเดียวกันก็พบว่าการให้ปากคำของผู้เสียหายยังมีพิรุธหลายอย่าง จนกระทั่งในคืนวันเดียวกัน พ.ต.อ.นันทชาติ ศุภมงคล รองผบก.ภ.จ.ปทุมธานี พร้อมชุดสืบสวน ได้สอบปากคำผู้เสียหายอย่างละเอียดทีละขั้นตอน ปรากฏว่าออกอาการพิรุธชัดเจน เมื่อเค้นสอบสวนหนักขึ้น ในที่สุดนางสุธาทิพย์ถึงกับปล่อยโฮร่ำไห้ออกมา พร้อมเปิดปากรับสารภาพว่า เรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นการกุเรื่องสร้างสถานการณ์ ขึ้นมาเอง เพื่อหวังให้ตัวเองตกเป็นข่าวโด่งดังเป็นที่สนใจของผู้คน โดยไม่ได้ถูกคนร้ายชิงทรัพย์ ไม่มีทั้งเงินสดหรือปลาทูนึ่งกว่า 1,000 ตัว  ตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด จึงควบคุมตัวไว้ดำเนินคดีทันที


ด้านนางสุธาทิพย์ ผู้เสียหายในตอนแรก แต่ต้องกลับกลายมาเป็นผู้ต้องหา เผยว่า

สาเหตุที่ทำตัวเป็นเด็กเลี้ยงแกะกุเรื่องขึ้นมาเพื่อต้องการให้ชื่อเสียงของบริษัทที่ทำงานอยู่เป็นที่ยอมรับและเป็นที่รู้จักของผู้คน โดยการกระทำครั้งนี้เจ้าของบริษัทไม่เคยรู้มาก่อน และที่สำคัญคือตนหวังจะมีชื่อเสียง มีตำแหน่ง และเงินเดือนมากขึ้นกว่าเดิม ทั้งนี้ ในวันเกิดเหตุได้ขับรถมารับประทานอาหารที่ร้านของนางศรีไพร หรือเจ๊หมวย แล้วนั่งปรึกษาหาทางที่จะสร้างสถานการณ์ว่ามีคนร้ายขว้างกระจกรถและทุบกระจกรถชิงทรัพย์ โดยเจ๊หมวยเป็นคนหาเด็กมาทุบกระจกให้ ตนจะให้ค่าจ้างเจ๊หมวย 1 หมื่นบาท และให้คนทุบกระจกรถ 2 พันบาท
 

ผจก.สาวจอมลวงโลกเล่ารายละเอียดต่อไปว่า

หลังจากตกลงวางแผนกันเรียบร้อยแล้ว ได้ขับรถมาจอดยังที่เกิดเหตุห่างจากร้านเจ๊หมวยประมาณ 500 เมตร หยิบก้อนหินขว้างกระจกหน้ารถจนแตกร้าว จากนั้นโทรศัพท์ บอกเจ๊หมวยสั่งให้นายมานพ เด็กเสิร์ฟในร้าน ขี่รถ จยย. มาที่รถ แล้วใช้ค้อนทุบกระจกประตูฝั่งซ้ายจนแตก ก่อนหลบหนีไป ต่อมาได้มีคนขี่รถ จยย.รับจ้างผ่านมาจึงบอกให้ช่วยโทรศัพท์แจ้งตำรวจว่าถูกชิงทรัพย์ พร้อมกุเรื่องราวทั้งหมดขึ้นมา แต่เมื่อถูกเค้นสอบสวนหนักเข้า ในที่สุด ก็ต้องยอมจำนนเปิดปากให้การรับสารภาพ ระหว่างแถลงข่าวได้มีนางปองหทัย ศรีเพ็ญ และ พ.อ.อ.ชาลี ศรีเพ็ญ เจ้าของโรงงานปลาทูนึ่ง หจก.พี.ดี.วัน และเป็นเจ้าของรถเก๋งคันดังกล่าว เดินทางมาให้ปากคำ โดยระบุว่าจะไม่เอาเรื่องเกี่ยวกับรถเก๋งที่ได้รับความเสียหาย แต่อยากให้นางสุธาทิพย์ได้กลับตัวกลับใจเสียใหม่ อย่าคิดอะไรที่มันตื้นๆแบบนี้อีก 


ต่อมาตำรวจควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 คนไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพยังที่เกิดเหตุ โดยนางสุธาทิพย์เผยว่า ที่ผ่านมามีเหตุการณ์โจรปาหินอาละวาดตกเป็นข่าวใหญ่โตและตำรวจมักจับกุมไม่ได้

จึงคิดเลียนแบบสร้างสถานการณ์ขึ้นมาเพื่อให้บริษัทและตัวเองมีชื่อเสียงโด่งดัง แต่กลับตบตาตำรวจไม่สำเร็จ วิงวอนทุกคนอย่าคิดตื้นๆแบบตน เพราะนอกจากจะทำให้เป็นบุคคลที่เชื่อถือไม่ได้เหมือนเด็กเลี้ยงแกะแล้ว ยังถูกดำเนินคดีอีก ด้าน พล.ต.ท.รชต เย็นทรวง ผบช.ภ.1 กล่าวเสริมว่า ใครที่คิดจะเลียนแบบขอร้องอย่าทำเด็ดขาด เพราะจะต้องถูกดำเนินคดีข้อหาหนักไม่มีละเว้นไม่ว่ากรณีใดๆก็ตาม พร้อมกันนี้ขอชื่นชมการทำงานของตำรวจปทุมธานีที่สามารถคลี่คลายความจริงให้เป็นที่ประจักษ์ต่อประชาชน


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์