เป็นผลงานชิ้นโบ แดงของ ตำรวจสน. พระโขนง ในการบุกทลายคนร้ายแก๊งลัก รถรายใหญ่ โดยได้ของกลางและผู้ต้องหามากมาย
กำราบวายร้ายลักรถได้สำเร็จอีกแก๊ง
คดีนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมคนร้ายได้ 5 คน มีทั้งคนขโมยรถและคนรับซื้อซึ่งทำเป็นขบวนการ แต่ที่ตะลึงยิ่งกว่านั้นคือการขยายผลไปเจอแหล่งซุกซ่อนของกลาง ที่มีทั้งซากรถ เครื่องยนต์ และอะไหล่ชิ้นส่วนอยู่เต็มโกดังทั้งหมดล้วนเป็นของโจรกรรมมาทั้งนั้น!!
ย้อนกลับไปดูที่มาที่ไปของคนร้ายแก๊งลักรถรายใหญ่แก๊งนี้ ถูกตำรวจสายตรวจสน.พระโขนง จับกุมได้ตอนเช้าวันที่ 21 ม.ค. ขณะที่เจ้าหน้าที่สายตรวจขับรถผ่านมาถึงบริเวณปากซอยอ่อนนุช 27 พบชายต้องสงสัย 3 คน คือ นายชาตรี หรือ "บอย" บุญเอี่ยม อายุ 21 ปี, นายบรรจง หรือ "อ๊อฟ" สีปาน อายุ 17 ปี และนายศักดิ์ชัย หรือ "โต้ง" เมืองตอ อายุ 20 ปี แก๊งโจรกรรมรถยนต์กำลังยืนเก้ๆ กังๆ อยู่หน้าปากซอยอย่างมีพิรุธตำรวจจึงขอตรวจค้น
เท่านั้นก็เล่นเอาพวกนี้ถึงกับปากคอสั่น
จากการตรวจสอบพบว่า 1 ในนั้นมีคราบน้ำมันเปื้อนติดมือและมีอุปกรณ์ลักรถซุกซ่อนอยู่ จึงบี้สอบสวนกระทั่งทั้ง 3 คนยอมรับสารภาพว่ากำลังจะลงมือโจรกรรมรถยนต์กระบะมิตซูบิชิ สีแดง ทะเบียน ฮก-5034 กทม. ที่จอดอยู่ จึงควบคุมตัวมาดำเนินคดี นอกจากนี้ ยังพบว่ายานพาหนะที่คนร้ายขับมา คือ รถจักรยานยนต์ฮอนด้า รุ่นเวฟ เอส สีขาว ทะเบียน 847 กทม. กับรถกระบะนิสสัน สีเขียว ทะเบียน 8พ-4566 กทม. ก็เป็นรถที่คนร้ายโจรกรรมมา
ผ่าแผนทลายรังโจร!?! รวบแก๊งลักรถรายใหญ่ ตะลึงของกลางเต็มโกดัง
ทุกอย่างใช้เป็นหลักฐานอย่างดิ้นไม่หลุด
งานนี้ พล.ต.ต.สาโรจน์ พรหมเจริญ ผบก.น.5 ลงมาสอบปากคำ ด้วยตัวเอง มอบหมายให้ พ.ต.อ.สิทธิภาพ ใบประเสริฐ ผกก.สน. พระโขนง ขยายผลหาคนร้ายที่เหลือทันที ซึ่งจากการสอบปากคำเบื้องต้นทั้ง 3 คนให้การรับสารภาพ ว่า ออกโจรกรรมรถยนต์ในเขตท้องที่สน. พระโขนง ประเวศ และคลองตัน มาหลายคันแล้ว ทำตามใบสั่งและนำรถไปชำแหละขายให้กับ นายรังษี หรือ "กบ" กลับประสิทธิ์ อายุ 39 ปี บ้านเลขที่ 53 ม.2 ต.บางขนาก อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา อดีตสมาชิกเทศบาลตำบลบางขนาก (ส.ท.) 3 สมัย เจ้าของอู่กลับประสิทธิ์การโยธา กับนายเฉลิมชัย กลับประสิทธิ์ อายุ 23 ปี บ้านเลขที่ 179 ม.77 ต.ท่าตะเกียบ อ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา สองพี่น้อง ในเขตอ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา โดยก่อนหน้านี้ได้โจรกรรมรถมาจำหน่ายให้กับนายรังษี เป็นหัวเก๋งรถกระบะมิตซูบิชิ จำนวน 2 หัว หัวรถยนต์กระบะอีซูซุ รุ่นดีแมคซ์ ที่แจ้งหายไว้กับสน.ประเวศ 1 หัว และกระบะเปล่า 3 ท่อน
ผู้กำกับฯ สิทธิภาพ จึงมอบหมายให้ พ.ต.ท. ธนกฤต พรหมดอนชาติ สว.สป., พ.ต.ท.สมสิทธิ์ สันทัสนะโชค สวป., พ.ต.ท.รณชัย รอดลอย สว.สส. และ ร.ต.ท.พงษ์ธวัช คงเสือ รอง สว.สป. จัดทีมตามแกะรอยคนร้ายที่เหลือทันที โดยทีมงานได้วางแผนให้หมวดพงษ์ธวัช สวม รอยเป็นผู้นำรถขโมยเหล่านี้ไปส่งมอบให้คนร้ายที่เหลือที่ติดต่อมาก่อนหน้านี้ โดยให้นายชาตรีทำทีพูดคุยด้วยอย่างไม่มีพิรุธ
ในตอนแรกคนร้ายนัดหมายส่งของกันในปั๊มน้ำมันถนนเลี่ยงเมือง จ.ฉะเชิงเทรา ในวันรุ่งขึ้น แต่ตอนหลังมาเปลี่ยนใจให้ไปส่งที่ห้างสรรพสินค้าโลตัส สาขาอ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา ตำรวจจึงวางแผนจับกุมทันที จนกระทั่งถึงเวลานัดหมายนายรังษีกับนายเฉลิมชัย ได้เดินทางมาถึงและส่งมอบเงินจำนวน 20,000 บาทให้กับนายชาตรี
ตำรวจจึงแสดงตัวเข้าจับกุมทันที
หลังจากนั้นจึงนำตัว 3 ผู้ต้องหาไปยังบ้านเลขที่ 53 ม.2 ต.บางขนาก อ.บางน้ำ เปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา ที่เปิดเป็นอู่ซ่อมรถยนต์บังหน้า ตั้งอยู่บนเนื้อที่ 2 ไร่ ภายในอู่ทั้งด้านหน้า-ด้านใน มีเครื่องยนต์และช่วงล่างของรถยนต์มากมายวางไว้เต็มไปหมด เจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดของกลางเป็นเครื่องยนต์ชนิดต่างๆ ที่ผู้ต้องหาไม่สามารถนำหลักฐานมาแสดงได้กว่า 100 เครื่อง และช่วงล่างรถยนต์ที่ไม่สามารถตรวจสอบได้อีกหลายร้อยชิ้น แผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์อีกกว่า 50 แผ่นจึงอายัดไว้ตรวจสอบ ซึ่งในชั้นนี้นายรังษีกับนายเฉลิมชัย ยอมรับสารภาพเพียงการรับซื้อของ โจรเท่านั้น
นายชาตรีให้การว่า จะได้ออร์เดอร์จากนายรังษี ว่า
ต้องการรถกระบะยี่ห้ออะไร รุ่นไหน โดยนายรังษีจะไม่รับซื้อรถรุ่นใหม่ เพราะจะเป็นที่สังเกตจากเจ้าหน้าที่ แต่จะสั่งซื้อรุ่นเก่าๆ เพราะราคาไม่แพง โดยรถยนต์กระบะ 1 คัน นายรังษีจะซื้อในราคาตั้งแต่ 20,000 ถึง 80,000 บาทแล้วแต่จะตกลงกัน เมื่อเห็นสภาพรถก็จะตีราคาทันที ซึ่งอย่างกรณีรถกระบะมิตซูฯ คันนี้ นายรังษีตีราคาให้แค่ 2 หมื่นบาท
หลังลงบันทึกบัญชีของกลางเจ้าหน้าที่ได้ใช้รถหกล้อขนของกลางกลับมายังสน.พระโขนง เพื่อดำเนินคดีกับคนร้ายในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน (รถยนต์) และข้อหารับซื้อของโจรส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป
สำหรับประวัติของนายชาตรี
เจ้าหน้าที่ตรวจพบว่าหมอนี่ไม่ธรรมดา ก่อนหน้านี้เคยถูกจับกุมและติดคุกในคดีลักรถยนต์ในท้องที่สน.คลองตันมาแล้ว และเพิ่งจะมาพ้นโทษในวันที่ 14 ธ.ค. ที่ผ่านมา หลังจากนั้นก็ติดต่อกับผู้ต้องหาที่เป็นผู้รับซื้อรถเหล่านี้มาโดยตลอด ซึ่งหลังจากออกจากคุกมาได้ ก็ขโมยรถไปแล้วไม่ต่ำกว่า 5 คัน ก่อนที่จะถูกจับกุมได้ในที่สุด ส่วนวิชามารที่นายชาตรีได้มานั้น เจ้าตัวบอกว่าได้มาจากตอนติดคุกเป็นวิชามารที่บรรดาเซียนถ่ายทอดให้กัน
พอพ้นโทษออกมาเลยลองวิชา
จนต้องหวนกลับเข้าคุกไปอีกครั้ง!?!