เมื่อเวลา 02.00 น.วันที่ 24 ม.ค. ร.ต.อ.บรรจง แสงปรีชา ร้อยเวร สภ.วังน้อย จ.พระนคร-ศรีอยุธยา
รับแจ้งจาก รพ.วังน้อยว่า มีผู้ถูกทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัสมารักษาตัว จึงนำกำลังตำรวจชุดสืบสวนเดินทางไปตรวจสอบ ทราบชื่อนางสมบัติ อยู่เย็น อายุ 64 ปี อยู่บ้านเลขที่ 11 หมู่ 7 ต.ลำไทร อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา นอนซมอยู่ในห้องฉุกเฉิน ลำตัวและใบหน้ามีรอยเขียวช้ำเต็มคล้ายถูกทำร้ายรุนแรง ปากฉีกเย็บ 6 เข็ม แพทย์ให้นอนพักรักษาตัวเพื่อรอดูอาการ
สอบสวนนางสมบัติให้การว่า ตนมีอาชีพเป็นแม่ค้าขายกับข้าวโดยใช้รถเข็น
ก่อนหน้านี้ได้ไปกู้เงินนอกระบบจากนายทุนเงินกู้มา 2,000 บาท เพื่อใช้จ่ายในครอบครัวเพราะเงินขาดมือ โดยเสียดอกร้อยละ 20 บาทต่อเดือน และผ่อนชำระเป็นรายวัน วันละ 100 บาท บังเอิญช่วงที่ผ่านมาญาติเสียไปช่วยงานศพ 4 วัน ทำให้ไม่ได้ขายของจึงไม่มีรายได้ นายทุนมาเก็บเลยไม่มีเงินให้ พอตกกลางคืนประมาณเที่ยงคืนเศษ มีวัยรุ่นราว 12 คน แต่งชุดดำพากันบุกเข้ามาในบ้านตะโกนเรียกให้เปิดประตู
เหยื่อนายทุนจอมโหด ให้การอีกว่า ตอนแรกไม่คิดว่าจะเกิดเหตุรุนแรงขึ้น จึงเปิดประตูออกมายืนอยู่ที่ระเบียงหน้าบ้าน
ยังไม่ทันได้ตั้งตัวถูกกลุ่มวัยรุ่นบุกรุมกระทืบประเคนมือเท้าจนสะบักสะบอม จุกหน้าอกอย่างแรง ส่งเสียงร้องดังลั่นจนนายถาวร ทับช้าง อายุ 41 ปี ลูกชายตกใจตื่นลุกขึ้นมาช่วยเหลือ กลับถูกหนึ่งในคนร้ายชักปืนขู่บังคับไม่ให้ยุ่งเกี่ยว จนมีเพื่อนบ้านตื่นออกมาดู กลุ่มคนร้ายจึงวิ่งหนีไปขึ้นรถปิกอัพเชฟโรเลต สีแดง ไม่ทราบทะเบียน ที่จอดไว้ริมถนนขับหลบหนีมุ่งหน้าไปตามถนนพหลโยธิน “เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนับว่ากลุ่มคนร้ายลงมือไม่เกรงกลัวกฎหมายและตำรวจ เพราะบ้านก็เป็นชุมชนอยู่ห่างป้อมตำรวจเพียง 100 เมตร และใกล้โรงพัก จึงอยากให้ตำรวจเร่งติดตามจับแก๊งทวงหนี้รายนี้ให้ได้โดยเร็ว”
ต่อมาสายวันเดียวกัน พ.ต.อ.ภคิน นาครินทร์ ผกก.สภ.วังน้อย เดินทางไปตรวจที่เกิดเหตุบ้านนางสมบัติ
อยู่ในตลาดวังน้อย ติดถนนทางเข้า สภ.วังน้อย ห่างป้อมจุดสกัดริมถนนพหลโยธินเพียง 100 เมตร จากนั้น พ.ต.อ.ภคิน เผยว่า ได้รับคดีไว้ข้อหาทำร้ายร่างกาย แก๊งทวงหนี้รายนี้น่าเชื่อว่าเป็นพวกเดียวกับนายทุนเงินกู้ แต่ผู้เสียหายจำหน้าคนร้ายไม่ได้จึงยากต่อการติดตามตัว อย่างไรก็ตาม ได้ให้พนักงานสอบสวนเร่งสอบพยานและหลักฐานให้ละเอียด เพื่อเร่งคลี่คลายคดีและติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป