รวบแก๊งรับซื้อ-ชำแหละรถยนต์ ตร.กรุงแกะรอยหลังจากจับโจรลักรถซัดทอดถึงผู้ซื้อย่านบางน้ำเปรี้ยว
ก่อนล่อซื้อจับได้ อีก 3 คนเป็นโจรพี่น้อง สารภาพซื้อเพื่อนำมาชำแหละเป็นอะไหล่ไปจำหน่าย เผยมีออร์เดอร์ว่าต้องการรถยี่ห้อไหน รุ่นอะไร ซื้อในราคาตั้งแต่ 20,000-80,000 บาท เผยประวัติเคยถูกจับมาแล้วและเพิ่งพ้นโทษเมื่อไม่กี่วันก่อน
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 22 ม.ค. พ.ต.อ.สิทธิภาพ ใบประเสริฐ ผกก.สน.พระโขนง
พร้อมด้วย พ.ต.ท. ธนกฤต พรหมดอนชาติ สว.สป., พ.ต.ท.สมสิทธิ์ สันทัสนะโชค สวป., พ.ต.ท.รณชัย รอดลอย สว.สส. และ ร.ต.ท.พงษ์ธวัช คงเสือ รอง สว.สป. ร่วมกันจับกุมตัวผู้ต้องหาคดีลักรถยนต์ จำนวน 3 คน คือ นายชาตรี หรือบอย บุญเอี่ยม อายุ 21 ปี, นายบรรจง หรืออ๊อฟ สีปาน อายุ 17 ปี และนายศักดิ์ชัย หรือโต้ง เมืองตอ อายุ 20 ปี พร้อมของกลางรถยนต์กระบะยี่ห้อนิสสัน สีเขียว ทะเบียน 8พ-4566 กทม. รถยนต์กระบะยี่ห้อมิตซูบิชิ สีแดง ทะเบียน ฮก-5034 กทม. รถจักรยานยนต์ฮอนด้ารุ่นเวฟเอส สีขาว ทะเบียน 847 กทม. จับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลางได้ที่บริเวณปากซอยอ่อนนุช 27 แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง กทม. สอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพว่า เป็นแก๊งที่ขโมยรถยนต์และนำไปจำหน่ายในพื้นที่รอยต่อระหว่างกรุงเทพฯ กับ จ.ฉะเชิงเทรา
พ.ต.ท.ธนกฤต กล่าวว่า จากกรณีที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง สามารถจับกลุ่มคนร้ายที่ก่อคดีลักรถยนต์ในเขตพื้นที่พระโขนง ประเวศ และคลอง ตัน และได้ของกลางจำนวนมากนั้น
ทาง พ.ต.อ.สิทธิภาพได้สั่งการให้ขยายผล เพราะทางผู้ต้องหายอมรับว่า หลังจากได้รถยนต์ที่ขโมยมาแล้วจะนำไปจำหน่ายให้กับผู้ซื้อเพื่อที่ทำการชำและรถยนต์ ใน อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา จึงได้วางแผนให้ทาง ร.ต.ท.พงษ์ธวัช เป็นผู้ส่งสินค้าและเข้าทำการจับกุม โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้นายชาตรีเป็นคนติดต่อส่งมอบรถยนต์ให้กับผู้รับซื้อที่ในปั๊มน้ำมันถนนเลี่ยงเมือง จ.ฉะเชิงเทรา แต่ผู้ซื้อได้เปลี่ยนใจให้ไปส่งมอบที่ห้างสรรพสินค้าโลตัส สาขา อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา แทน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้วางแผนเพื่อทำการจับกุมกันอีกครั้ง จนกระทั่งถึงเวลานัดหมายผู้ซื้อมาถึงที่นัดพบ และขณะที่กำลังส่งมอบเงินจำนวน 20,000 บาท ให้กับนายชาตรี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แสดงตัวเข้าจับกุมทันที
ทลายรังรถโจร เจอชิ้นส่วนมหึมา
พ.ต.ท.ธนกฤต กล่าวต่อว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาเพิ่มได้อีก 2 คน ที่เป็นคนรับซื้อรถที่ถูกโจรกรรมมา
คือนายรังษี หรือ "กบ" กลับประสิทธิ์ อายุ 39 ปี บ้านเลขที่ 53 ม.2 ต.บางขนาก อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา อดีตสมาชิกเทศบาลตำบลบางขนาก (สท.) 3 สมัย เจ้าของอู่กลับประสิทธิ์การโยธา และนายเฉลิมชัย กลับประสิทธิ์ อายุ 23 ปี บ้านเลขที่ 179 ม.77 ต.ท่าตะเกียบ อ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา สองพี่น้อง จากการสอบสวนเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า เป็นผู้รับซื้อรถดังกล่าวจริง เพื่อนำมาชำแหละเป็นอะไหล่ไปจำหน่าย
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวทั้งคู่ไปยังบ้านเลขที่ 53 ม.2 ต.บางขราก อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา
ที่เปิดเป็นอู่ซ่อมรถยนต์บังหน้ามีเนื้อที่ประมาณ 2 ไร่ ภายในอู่ทั้งด้านหน้าและด้านหลังอู่ มีเครื่องยนต์และช่วงล่างของรถยนต์จำนวนมากภายในอู่ดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถตรวจยึดของกลางเป็นเครื่องยนต์ชนิดต่างๆ ที่ทางผู้ต้องหาไม่สามารถนำหลักฐานมาแสดงได้กว่า 100 เครื่อง และช่วงล่างรถยนต์ที่ไม่สามารถตรวจสอบหลายร้อยชิ้น แผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์กว่า 50 แผ่น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถนำของกลางที่ทางผู้ต้องหาทั้งสองรับสารภาพว่า ได้โจรกรรมมาจำหน่ายให้กับทางนายรังษี เป็นหัวเก๋งรถกระบะรถยนต์มิตซูบิชิจำนวน 2 หัว หัวรถยนต์กระบะดีแมคซ์ที่แจ้งหายไว้กับ สน.ประเวศ 1 หัว และกระบะเปล่า 3 ท่อน จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน สำหรับเครื่องยนต์ที่ตรวจยึดได้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้อายัดไว้เพื่อตรวจสอบ หากมีหลักฐานมาแสดงก็จะให้กลับไป
พ.ต.ท.ธนกฤต กล่าวต่อว่า จากคำรับสารภาพของ นายชาตรี และพวกว่า ตนจะได้ออร์เดอร์จากนายรังษีว่าต้องการรถกระบะยี่ห้ออะไร รุ่นไหน
ทางผู้ต้องหาที่รับซื้อจะไม่รับซื้อรถรุ่นใหม่ เพราะเป็นที่สังเกตต่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่จะสั่งซื้อรถรุ่นเก่าเพราะราคาไม่แพง โดยรถยนต์กระบะ 1 คัน ทางผู้ต้องหาที่รับซื้อจะซื้อในราคาตั้งแต่ 20,000 บาท ถึง 80,000 บาท แล้วแต่จะตกลงราคากัน เมื่อผู้ต้องหาที่รับซื้อเห็นสภาพรถที่ขโมยก็จะตีราคาให้ทันที จากการตรวจสอบประวัติของนายชาตรี เคยถูกจับและติดคุกในคดีลักรถยนต์ท้องที่ สน.คลองตัน มาแล้วก่อนที่จะพ้นโทษมาในวันที่ 14 ธ.ค.50 ที่ผ่านมา หลังจากนั้นก็ติดต่อกับผู้ต้องหาที่เป็นผู้รับซื้อนี้มาตลอด ซึ่งหลังจากออกจากคุกมาได้ก็ขโมยรถมาแล้วถึง 5 คัน ก่อนที่จะถูกจับกุมได้ดังกล่าว
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ใช้รถหกล้อขนของกลางกลับมายัง สน.พระโขนง เพื่อดำเนินคดีร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน (รถยนต์) และข้อหารับซื้อของโจรส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป